แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 84 วรรคท้าย จะบัญญัติมิให้นำคำรับสารภาพชั้นจับกุมเป็นพยานหลักฐานก็ตาม แต่ข้อความอื่นซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำให้การรับสารภาพนั้น กฎหมายมิได้ห้ามนำมารับฟังเสียทีเดียว มิฉะนั้นแล้วคงไม่ต้องทำบันทึกการจับกุม และสอบถามคำให้การของผู้ถูกจับไว้ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 84 วรรคสาม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15, 66, 97, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ริบเมทแอมเฟตามีนที่เหลือจากการตรวจพิสูจน์ของกลางและเพิ่มโทษจำเลย
จำเลยให้การปฏิเสธในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย แต่รับว่ามีเมทแอมเฟตามีน 10 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อเสพ และรับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์อ้างเป็นเหตุขอให้เพิ่มโทษ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 จำคุก 1 ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 97 เป็นจำคุก 1 ปี 6 เดือน คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนและทางนำสืบในชั้นพิจารณาของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ คงจำคุก 1 ปี 1 เดือน 15 วัน ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง ข้อหาอื่นให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่ง เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 ฐานมียาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำคุก 6 ปี ฐานจำหน่ายยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 จำคุก 4 ปี รวมจำคุก 10 ปี เพิ่มโทษกึ่งหนึ่ง ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษฯ มาตรา 97 เป็นจำคุก 15 ปี คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนและทางนำสืบในชั้นพิจารณาของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสี่ คงจำคุก 10 ปี 15 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าร้อยตำรวจเอกมนู สิบตำรวจเอกวิเชียร กับพวกซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจสถานีตำรวจนครบาลมีนบุรีร่วมกันตรวจค้นจำเลย โดยสิบตำรวจเอกวิเชียรพบธนบัตร 1,800 บาท ที่มือของจำเลย และเมทแอมเฟตามีน 10 เม็ด ที่กระเป๋าใบเล็กที่มีพวงกุญแจคาดอยู่ที่เอวขวาของจำเลย ชั้นจับกุมแจ้งข้อหาจำเลยว่า มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่าย ทำบันทึกการจับกุมระบุว่าจำเลยให้การรับสารภาพ จากนั้นนำจำเลยพร้อมธนบัตรและเมทแอมเฟตามีน 11 เม็ด ส่งมอบแก่ร้อยตำรวจโทสัญญา พนักงานสอบสวน ชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพว่ามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อเสพ … กรณีมีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าขณะเกิดเหตุมีบันทึกการจับกุมระหว่างเวลา 18.55 นาฬิกานั้น เป็นเวลามืดหรือไม่ อันจะทำให้ไม่เห็นการล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนนั้น เห็นว่า พยานโจทก์ปากสิบตำรวจเอกวิเชียรเบิกความยืนยันว่า เห็นเหตุการณ์ขณะสายลับล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย และตรวจสอบธนบัตรที่ค้นได้จากจำเลยก็พบธนบัตรที่ใช้ล่อซื้อจากจำเลย 3 ฉบับ ซึ่งจำเลยก็ยอมลงลายมือชื่อในภาพถ่ายธนบัตรไว้ อีกทั้งชั้นจับกุมแม้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 84 วรรคท้าย จะบัญญัติมิให้นำคำรับสารภาพชั้นจับกุมเป็นพยานหลักฐานก็ตาม แต่ข้อความอื่นซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำให้การรับสารภาพนั้น กฎหมายมิได้ห้ามนำมารับฟังเสียทีเดียว มิฉะนั้นแล้วคงไม่ต้องทำบันทึกการจับกุม และสอบถามคำให้การของผู้ถูกจับไว้ตาม มาตรา 84 วรรคสาม นอกจากนี้ในบัญชีของกลางคดีอาญา ที่ร้อยตำรวจโทสัญญาพนักงานสอบสวนจัดทำขึ้น จำเลยก็ลงลายมือชื่อรับรองว่า มีเมทแอมเฟตามีนและธนบัตรที่ล่อซื้อจากจำเลยอยู่ด้วย แสดงให้เห็นว่า จำเลยยอมรับว่ากระทำความผิดจริงตามฟ้อง และเมื่อพิจารณาโทษที่ศาลอุทธรณ์กำหนดลงแก่จำเลยนั้น เหมาะสมแล้ว ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย แต่เนื่องจากมีพระราชบัญญัติล้างมลทินในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชมีพระชนมพรรษา 80 พรรษา พ.ศ.2550 ใช้บังคับมีผลให้ล้างมลทินให้แก่จำเลย จึงเพิ่มโทษจำเลยไม่ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ไม่เพิ่มโทษจำเลย เมื่อลดโทษให้จำเลยแล้ว คงจำคุก 7 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์