คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3008/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของสินค้าเกลือและให้จำเลยที่ 1 รับขนไปส่งให้แก่บริษัทช.เมืองมะละกาประเทศมาเลเซีย แต่เมื่อสินค้าเกลือที่จำเลยที่ 1 รับขนไปถึงเมืองมะละกาแล้ว จำเลยที่ 1 โดยพลการหรือโดยความประมาทเลินเล่อ ส่งมอบสินค้าเกลือให้แก่บริษัทช. โดยไม่มีใบตราส่งมาแสดงแทนที่จะส่งมอบสินค้านั้นคืนให้โจทก์เพื่อคิดค่าระวางและค่าเสียหายกันอีกครั้งหนึ่ง หลังจากจำเลยที่ 1 ส่งมอบสินค้าโดยไม่ถูกต้องแล้ว บริษัทช. ไม่เคยชำระราคาสินค้าให้แก่โจทก์การกระทำของจำเลยที่ 1 ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 43,102 เหรียญมาเลเซียแก่โจทก์ ดังนี้ คำฟ้องของโจทก์เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุมปรากฏว่านอกจากนั้นโจทก์มิได้อ้างในคำฟ้องขอให้จำเลยส่งมอบสินค้าที่ขนส่งในฐานะเป็นผู้รับตราส่ง แม้โจทก์มิได้บรรยายฟ้องว่าโจทก์เป็นผู้ครอบครองใบตราส่งอย่างไรก็หาทำให้ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่ แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ว่าโจทก์มิใช่ผู้ทรงใบตราส่ง แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดในฐานะที่จำเลยที่ 1 เป็นคู่สัญญากับโจทก์ในการรับขนสินค้าเกลือของโจทก์ทางทะเลไปยังเมืองท่ามะละกาประเทศมาเลเซียเพื่อส่งให้แก่บริษัทช. แต่จำเลยที่ 1กระทำโดยพลการหรือประมาทเลินเล่อส่งมอบสินค้าเกลือให้แก่บริษัท โดยบริษัทช. ไม่มีใบตราส่งมาแสดง โจทก์มิได้ฟ้องโดยอ้างสิทธิในฐานะผู้ทรงใบตราส่งโจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 615 ถือว่าใบตราส่งเป็นหลักฐานสำคัญในสัญญารับขน การที่บริษัทช.รับสินค้าจากบริษัทท.ตัวแทนของจำเลยที่ 1 โดยมิได้มีใบตราส่งมาแสดง บริษัทช.จะต้องให้ประกันตามควรเป็นหลักประกันที่เชื่อถือได้ ซึ่งหมายถึงการค้ำประกันด้วยบุคคลหรือทรัพย์ ที่บริษัทช. ทำหนังสือยินยอมชดใช้ค่าเสียหายกรณีส่งของโดยไม่มีใบตราส่งนั้น ก็เป็นเพียงหนังสือที่บริษัทช. ยอมชดใช้ค่าเสียหายในกรณีต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตามหนังสือดังกล่าวโดยไม่มีหลักประกันอันใดให้ไว้เลย จึงไม่ใช่เป็นการให้ประกันตามควรตามความหมายของมาตรา 615 การที่จำเลยที่ 1 ส่งมอบสินค้าของโจทก์ให้แก่บริษัทช. ไปโดยที่บริษัทดังกล่าวไม่มีใบตราส่งมาแสดง ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อผิดประเพณีการค้าและกฎหมายในการส่งมอบสินค้าของโจทก์ให้แก่บริษัทช. เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากไม่ได้รับชำระค่าสินค้า ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า บริษัทช. ได้รับของไว้แล้วโดยไม่อิดเอื้อน และได้ชำระค่าระวางพาหนะเสร็จแล้ว จึงเป็นผลให้ความรับผิดของจำเลยที่ 1 สิ้นสุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 623 นั้น ปรากฏว่าศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นข้อนี้ไว้และศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยในประเด็นข้อนี้ถือได้ว่าเป็นข้อกฎหมายที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ และมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 624 เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับข้อความรับผิดของผู้ขนส่งในการที่ของสูญหายหรือบุบสลายหรือส่งชักช้า แต่คดีนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกค่าของที่มิได้รับชำระเนื่องจากการกระทำอันเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 มิใช่ฟ้องให้รับผิดเนื่องจากของสูญหายหรือบุบสลายหรือชักช้า จึงไม่อยู่ภายใต้บังคับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 624 ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของสินค้าเกลือและให้จำเลยที่ 1รับขนไปส่งให้แก่บริษัทชอบน่ำกวน จำกัด เมืองมะละกาประเทศมาเลเซีย แต่เมื่อสินค้าเกลือที่จำเลยที่ 1 รับขนไปถึงเมืองมะละกาแล้ว จำเลยที่ 1 โดยพลการหรือโดยความประมาทเลินเล่อส่งมอบสินค้าเกลือให้แก่บริษัทชอบน่ำกวน จำกัด โดยไม่มีใบตราส่งมาแสดงแทนที่จะส่งมอบสินค้านั้นคืนให้โจทก์เพื่อคิดค่าระวางและค่าเสียหายกันอีกครั้งหนึ่ง หลังจากจำเลยที่ 1 ส่งมอบสินค้าโดยไม่ถูกต้องแล้ว บริษัทชอปน่ำกวน จำกัด ไม่เคยชำระราคาสินค้าให้โจทก์ การกระทำของจำเลยที่ 1 ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายขอให้บังคับจำเลยทั้งสิบร่วมกันชำระค่าสินไหมทดแทนจำนวน 43,102เหรียญมาเลเซีย หรือ 502,364.81 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 434,037.14 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสิบให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เพราะโจทก์ไม่ใช่ผู้ทรงใบตราส่งโดยชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากโจทก์ได้สลักหลังใบตราส่งดังกล่าวนั้นให้แก่ธนาคารศรีนคร จำกัด ธนาคารศรีนครจำกัด ได้สลักหลังใบตราส่งนั้นให้แก่ธนาคารโอเวอร์ซียูเนี่ยนจำกัด ไปแล้ว และธนาคารโอเวอร์ซียูเนี่ยน จำกัด ยังไม่ได้สลักหลังต่อให้แก่ผู้ใดอีก ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม เพราะโจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 รับจ้างขนของจากโจทก์ แต่ไม่ได้เรียกร้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดเนื่องจากการรับขนของไม่ถูกต้องหรือเสียหายกลับเรียกร้องให้จำเลยที่ 1 รับผิดเนื่องจากผู้ซื้อสินค้าของโจทก์ไม่ชำระราคาสินค้าให้โจทก์ จำเลยที่ 1 ไม่ได้กระทำการเป็นตัวแทนของโจทก์ในการขนส่งสินค้าตามใบตราส่งแต่เป็นเพียงผู้รับขนส่งสินค้าของโจทก์เพื่อบำเหน็จในทางการค้าปกติเท่านั้น และได้ขนส่งสินค้าให้แก่โจทก์ไปเพียง 3 ครั้ง ในขณะที่จำเลยที่ 1 นำเรือบรรทุกสินค้าไปถึงเมืองมะละกาแล้ว จำเลยที่ 1 ได้แต่บอกกล่าวบริษัทชอปน่ำกวน จำกัด ในฐานะผู้รับตราส่งตามที่ระบุไว้ในใบตราส่งทุกฉบับแต่ผู้เดียวให้มารับของได้ และบริษัทชอปน่ำกวนจำกัด ก็ได้รับเอาของไว้แล้วโดยไม่อิดเอื้อนกับใช้ค่าระวางพาหนะเสร็จสิ้นแล้ว เมื่อบริษัทชอปน่ำกวน จำกัด มาขอรับสินค้านั้นได้แจ้งให้แก่ตัวแทนของจำเลยที่ 1 ที่ส่งของให้ว่าใบตราส่งทั้งสามฉบับนั้น บริษัทชอปน่ำกวน จำกัด ยังไม่ได้รับจากธนาคารที่เกี่ยวข้องและขอรับสินค้าไปก่อน โดยขอให้ประกันตามสมควรแทน คือ ได้ทำหนังสือยินยอมชดใช้ค่าเสียหายกรณีส่งของไม่มีใบตราส่งให้แก่ตัวแทนจำเลยที่ 1 ไว้ 3 ฉบับ จำเลยที่ 1 มิได้ปฏิบัติหน้าที่ผู้ขนส่งโดยประมาทเลินเล่อผิดประเพณีการค้าหรือกฎหมายแต่อย่างใด ความประมาทเลินเล่อหรือบกพร่องเป็นเพราะการกระทำของโจทก์หรือธนาคารผู้เกี่ยวข้องเองที่ส่งใบส่งตราส่งและตั๋วแลกเงินมาถึงบริษัทชอปน่ำกวน จำกัด ล่าช้า ความรับผิดของจำเลยที่ 1 นั้นสิ้นสุดลงแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 623 ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความไม่ว่าจะเป็นอายุความเรื่องรับขนของโดยตรงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 624 หรืออายุความเรื่องละเมิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 43,102เหรียญมาเลเซีย ซึ่งคิดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราโดยเฉลี่ยที่ธนาคารพาณิชย์ทำการขายเงินตราต่างประเทศเป็นเงินไทยในวันฟ้องถ้าไม่มีการขายในวันฟ้อง ก็ให้ถือเอาวันสุดท้ายที่มีอัตราการขายเช่นว่านั้นก่อนวันฟ้อง พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 10
จำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของสินค้าเกลือและให้จำเลยที่ 1 รับขนไปส่งให้แก่บริษัทชอปน่ำกวนจำกัด เมืองมะละกา ประเทศมาเลเซีย แต่เมื่อสินค้าเกลือที่จำเลยที่ 1 รับขนไปถึงเมืองมะละกา ประเทศมาเลเซียแล้ว จำเลยที่ 1 โดยพลการหรือโดยความประมาทเลินเล่อส่งมอบสินค้าเกลือให้แก่บริษัทชอปน่ำกวน จำกัด โดยไม่มีใบตราส่งมาแสดงแทนที่จะส่งมอบสินค้านั้นคืนให้โจทก์เพื่อคิดค่าระวางและค่าเสียหายกันอีกครั้งหนึ่ง หลังจากจำเลยที่ 1 ส่งมอบสินค้าโดยไม่ถูกต้องแล้วบริษัทชอปน่ำกวน จำกัด ไม่เคยชำระราคาสินค้าให้แก่โจทก์การกระทำของจำเลยที่ 1 ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจำนวน 43,102 เหรียญมาเลเซียแก่โจทก์เห็นว่า คำฟ้องของโจทก์เป็นคำฟ้องที่แสดงโดยชัดแจ้งซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้นแล้ว ฟ้องโจทก์จึงไม่เคลือบคลุม ที่จำเลยที่ 1ฎีกาว่าใบตราส่งทั้งสามฉบับโจทก์ได้สลักหลังให้แก่ธนาคารศรีนครจำกัด และธนาคารศรีนคร จำกัด ได้สลักหลังเฉพาะให้แก่ธนาคารโอเวอร์ซียูเนี่ยน จำกัด แล้ว โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้เป็นที่เข้าใจว่าโจทก์เป็นผู้ครอบครองใบตราส่งทั้งสามฉบับอย่างไรทั้งตามเอกสารท้ายคำฟ้องมีเอกสารหลายชนิดนับสิบฉบับ ไม่ใช่ใบตราส่งล้วน ๆ นั้น ปรากฏว่าโจทก์มิได้อ้างในคำฟ้องขอให้จำเลยส่งมอบสินค้าที่ขนส่งในฐานะเป็นผู้รับตราส่ง แม้โจทก์มิได้บรรยายฟ้องดังที่จำเลยที่ 1 ฎีกา ก็หาทำให้ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องเคลือบคลุมไม่
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อ 2 มีว่าโจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะมิใช่ผู้ทรงใบตราส่งอันชอบด้วยกฎหมาย เห็นว่า แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามที่จำเลยที่ 1 ฎีกา แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องให้จำเลยที่ 1รับผิดในฐานะที่จำเลยที่ 1 เป็นคู่สัญญากับโจทก์ในการรับขนสินค้าเกลือของโจทก์ทางทะเลไปยังเมืองท่ามะละกา ประเทศมาเลเชียเพื่อส่งให้แก่บริษัทชอปน่ำกวน จำกัด แต่จำเลยที่ 1 กระทำโดยพลการหรือประมาทเลินเล่อส่งมอบสินค้าเกลือให้แก่บริษัทชอปน่ำกวน จำกัดโดยบริษัทชอปน่ำกวน จำกัด ไม่มีใบตราส่งมาแสดง โจทก์มิได้ฟ้องโดยอ้างสิทธิในฐานะผู้ทรงใบตราส่ง โจทก์จึงมีอำนาจฟ้อง
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อที่ 3 มีว่าจำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อผิดประเพณีการค้าหรือกฎหมายเป็นเหตุให้โจทก์เสียหายหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 615 บัญญัติว่า “ถ้าได้ทำใบตราส่งให้แก่กัน ท่านว่าของนั้นจะรับมอบเอาไปได้ต่อเมื่อเวนคืนใบตราส่งเป็นหลักฐานสำคัญในสัญญารับขนการที่บริษัทชอปน่ำกวน จำกัดรับสินค้าเกลือจากบริษัทไทรมารีนชิปปิ้งแอนด์เทรดดิ้ง จำกัดตัวแทนของจำเลยที่ 1 โดยมิได้มีใบตราส่งมาแสดงบริษัทชอปน่ำกวนจำกัด จะต้องให้ประกันตามควร ซึ่งเห็นได้ว่าจะต้องเป็นหลักประกันที่เชื่อถือได้ ซึ่งในที่นี้หมายถึงการค้ำประกันด้วยบุคคลหรือทรัพย์ที่บริษัทชอปน่ำกวน จำกัด ทำหนังสือยินยอมชดใช้ค่าเสียหายกรณีส่งของโดยไม่มีใบตราส่งตามเอกสารหมาย ล.1 ถึง ล.3 นั้น ก็เป็นเพียงหนังสือที่บริษัทชอปน่ำกวน จำกัด ยอมชดใช้ค่าเสียหายในกรณีต่าง ๆที่เกิดขึ้นตามหนังสือดังกล่าวโดยไม่มีหลักประกันอันใดให้ไว้เลยจึงไม่ใช่เป็นการให้ประกันตามควร ตามความหมายของมาตรา 615การที่จำเลยที่ 1 ส่งมอบสินค้าเกลือของโจทก์ให้แก่บริษัทชอปน่ำกวนจำกัด ไปโดยที่บริษัทดังกล่าวไม่มีใบตราส่งมาแสดง ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 ปฏิบัติหน้าที่โดยประมาทเลินเล่อผิดประเพณีการค้าและกฎหมายในการส่งมอบสินค้าเกลือของโจทก์ให้แก่บริษัทชอปน่ำกวน จำกัดเป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายเนื่องจากไม่ได้ รับชำระค่าสินค้าเกลือ ส่วนที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า บริษัทชอปน่ำกวน จำกัด ได้รับของไว้แล้วโดยไม่อิดเอื้อน และได้ชำระค่าระวางพาหนะเสร็จแล้วตามภาพถ่ายใบเสร็จรับเงินเอกสารหมาย ล.4 ถึง ล.6 จึงเป็นผลให้ความรับผิดของจำเลยที่ 1 สิ้นสุดลงตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 623 นั้นเห็นว่า ศาลชั้นต้นมิได้กำหนดประเด็นข้อนี้ไว้และศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยในประเด็นข้อนี้ ถือได้ว่าเป็นข้อกฎหมายที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ และมิใช่ปัญหาอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้
ปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1 ข้อ 4 มีว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 624 เป็นบทบัญญัติเกี่ยวกับข้อความรับผิดของผู้ขนส่งในการที่ของสูญหายหรือบุบสลายหรือส่งชักช้า แต่กรณีนี้เป็นเรื่องโจทก์ฟ้องเรียกค่าของที่มิได้รับชำระเนื่องจากการกระทำอันเป็นความประมาทเลินเล่อของจำเลยที่ 1 มิใช่ฟ้องให้รับผิดเนื่องจากของสูญหายหรือบุบสลายหรือส่งชักช้าจึงไม่อยู่ภายใต้บังคับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 624 ฟ้องโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน

Share