คำสั่งคำร้องที่ 1840/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า คดีนี้ทุนทรัพย์ที่พิพาทไม่เกินสองแสนบาทต้องห้ามฎีกา ในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขแล้ว ฎีกาข้อ 2.1 และ 2.2 โต้แย้งดุลพินิจของ ศาลอุทธรณ์ภาค 2เป็นฎีกาในข้อเท็จจริง จึงไม่รับฎีกา
จำเลยที่ 1 เห็นว่า ฎีกาข้อ 2.1 ที่ว่า สัญญากู้ตามฟ้อง ไม่อาจกระทำได้โดยบุคคลที่โจทก์อ้าง เป็นสัญญาที่โจทก์ได้จัดทำขึ้นเองโดยโจทก์ทราบดีว่าบุคคลที่ปรากฏลายมือชื่อ ในสัญญานั้น ไม่อาจมาเบิกความได้ เป็นฎีกาเกี่ยวกับความ สงบเรียบร้อยของประชาชน และฎีกาข้อ 2.2 ที่ว่าการนับอายุความ มรดกควรนับจากวันตายของนายเจริญ หรือนับจากวันที่โจทก์ทราบว่านายเจริญตาย นั้นเป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 ด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 124)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 91,875 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ของต้นเงิน 52,500 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้อง (12 กุมภาพันธ์ 2535) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ แต่ต้องไม่เกินทรัพย์มรดกของ นายเจริญ หลำพระธาตุ ที่ตกทอดแก่จำเลยที่ 1 หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระให้จำเลยที่ 2เป็นผู้ชำระแทน
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 115)
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องทั้งสองฉบับดังกล่าว ศาลชั้นต้นสั่งคำร้องฉบับแรกว่า จำเลยที่ 1 ไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษา หรือหาประกันให้ไว้ต่อศาลภายในเวลาที่กำหนดให้ จึงให้ส่ง ศาลฎีกาพิจารณา และสั่งคำร้องฉบับหลังว่า จำเลยที่ 1 ยื่นอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกามาฉบับหนึ่งแล้ว และยื่นคำร้อง อุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาฉบับนี้อีก แต่ได้ยื่นเมื่อพ้นกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง ให้รวมสำนวนส่งศาลฎีกา (อันดับ 117,119)

คำสั่ง
จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องฉบับแรก โดยไม่นำเงินมาชำระตามคำพิพากษาหรือหาประกันให้ไว้ต่อศาล และยื่นคำร้องฉบับหลังเมื่อพ้นกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 234 ประกอบด้วยมาตรา 247 ศาลฎีกาจึงไม่รับวินิจฉัยให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ

Share