แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สืบเนื่องจากเดิมผู้ร้องยื่นฟ้อง ร. ในฐานะผู้ปกครองของผู้เยาว์ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของ ล. ให้ชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืม สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีและสัญญาจำนองแทน ล. บิดาของผู้เยาว์แก่ผู้ร้องเนื่องจาก ล. ผิดนัดชำระหนี้และเสียชีวิตไปก่อน ต่อมา ร. ซึ่งเคยเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของ ล. และเป็นมารดาของผู้เยาว์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความรับชำระหนี้ให้แก่ผู้ร้องและศาลมีคำพิพากษาตามยอมแล้วแต่ ร. เสียชีวิตลงก่อนมีการขายทอดตลาดทรัพย์จำนอง โจทก์จึงไม่อาจบังคับคดีได้เพราะผู้เยาว์ไม่มีผู้แทนเฉพาะคดี กรณีจึงเป็นปัญหาในชั้นบังคับคดีของคดีเดิมซึ่งเป็นคดีแพ่งทั่วไปไม่ใช่คดีครอบครัวที่ฟ้องหรือร้องขอต่อศาลหรือกระทำการใด ๆ ในทางศาลเกี่ยวกับผู้เยาว์หรือครอบครัวซึ่งต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 10 (3) แห่ง พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 ดังนั้น ศาลในคดีเดิมจึงมีอำนาจแก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวด้วยความสามารถของผู้เยาว์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 56 วรรคท้าย ได้ โดยไม่จำต้องให้ศาลเยาวชนและครอบครัวพิจารณาพิพากษาคดีดังกล่าว กรณีตามคำร้องขอของโจทก์จึงไม่ใช่คดีครอบครัวตาม พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 10 (3)
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าหนี้ตามสัญญากู้ยืม สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีและสัญญาจำนองของนาย ล. บิดาของผู้เยาว์ นาย ล. ผิดนัดชำระหนี้และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2547 ผู้ร้องจึงยื่นฟ้องนาง ร. ซึ่งเคยเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนาย ล. และเป็นมารดาของผู้เยาว์ในฐานะผู้ปกครองของผู้เยาว์ให้ชำระหนี้ต่อศาลจังหวัดสิงห์บุรีและมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยศาลมีคำพิพากษาตามยอมเป็นคดีหมายเลขแดงที่ 57/2548 ต่อมาวันที่ 6 ธันวาคม 2550 ผู้ร้องนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์จำนองเป็นประกัน แต่ไม่สามารถนำส่งประกาศขายทอดตลาดให้แก่นาง ร. และผู้เยาว์ได้ เนื่องจากนาง ร. เสียชีวิตเมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2549 ส่วนผู้เยาว์ไม่มีผู้แทนเฉพาะคดี ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องขอให้ศาลตั้งผู้แทนเฉพาะคดีเข้าไปในคดีหมายเลขแดงที่ 57/2548 ของศาลจังหวัดสิงห์บุรี แต่ศาลจังหวัดสิงห์บุรียกคำร้องเนื่องจากเห็นว่าการตั้งผู้แทนเฉพาะคดีเป็นคดีที่อยู่ในอำนาจของศาลเยาวชนและครอบครัว ผู้ร้องจึงมาร้องขอเป็นคดีนี้ ขอให้ศาลมีคำสั่งตั้งพนักงานอัยการหรือเจ้าพนักงานฝ่ายปกครองเป็นผู้แทนเฉพาะคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 วรรคสี่ ให้แก่ผู้เยาว์
ในชั้นตรวจคำร้องขอ ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดหนองบัวลำภู เห็นว่า กรณีมีปัญหาว่า คดีนี้จะอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัวหรือไม่ จึงส่งสำนวนให้ประธานศาลฎีกาวินิจฉัยชี้ขาดตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 11
วินิจฉัยว่า คดีนี้สืบเนื่องจากเดิมผู้ร้องยื่นฟ้องนาง ร. ในฐานะผู้ปกครองของผู้เยาว์ซึ่งเป็นทายาทโดยธรรมของนาย ล. ให้ชำระหนี้ตามสัญญากู้ยืม สัญญาเบิกเงินเกินบัญชีและสัญญาจำนองแทนนาย ล. บิดาของผู้เยาว์แก่ผู้ร้องเนื่องจากนาย ล. ผิดนัดชำระหนี้และเสียชีวิตไปก่อน ต่อมานาง ร. ซึ่งเคยเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนาย ล. และเป็นมารดาของผู้เยาว์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความรับชำระหนี้ให้แก่ผู้ร้องและศาลมีคำพิพากษาตามยอมแล้ว แต่นาง ร. เสียชีวิตลงก่อนมีการขายทอดตลาดทรัพย์จำนอง โจทก์จึงไม่อาจบังคับคดีได้เพราะผู้เยาว์ไม่มีผู้แทนเฉพาะคดี กรณีจึงเป็นปัญหาในชั้นบังคับคดีของคดีเดิมซึ่งเป็นคดีแพ่งทั่วไปไม่ใช่คดีครอบครัวที่ฟ้องหรือร้องขอต่อศาลหรือกระทำการใด ๆ ในทางศาลเกี่ยวกับผู้เยาว์หรือครอบครัวซึ่งต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา 10 (3) แห่งพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 ดังนั้น ศาลในคดีเดิมจึงมีอำนาจแก้ไขข้อบกพร่องเกี่ยวด้วยความสามารถของผู้เยาว์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 56 วรรคท้าย ได้ โดยไม่จำต้องให้ศาลเยาวชนและครอบครัวพิจารณาพิพากษาคดีดังกล่าว กรณีตามคำร้องขอของโจทก์จึงไม่ใช่คดีครอบครัวตามพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 มาตรา 10 (3)
วินิจฉัยว่า คดีนี้ไม่อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลเยาวชนและครอบครัว
วินิจฉัย ณ วันที่ 7 เดือน กรกฎาคม พุทธศักราช 2557
ดิเรก อิงคนินันท์
(นายดิเรก อิงคนินันท์)
ประธานศาลฎีกา