แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินให้ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงกลับคืนมาเป็นทรัพย์มรดกเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ซึ่งเป็นทายาทและผู้จัดการมรดกของ ส. เจ้ามรดก คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอ ให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ มีทุนทรัพย์ตามราคาที่ดินพิพาททั้งสองแปลง เมื่อจำเลยที่ 4 และที่ 5 อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นขอให้ยกฟ้อง จึงต้องชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์อย่างคดีมีทุนทรัพย์ตามตาราง 1 (1) (ก) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนรายการจดทะเบียนโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 14315 ตำบลสามวาตะวันออก อำเภอมีนบุรี (เมือง) กรุงเทพมหานคร ระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และระหว่างจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 3 เพิกถอนรายการจดทะเบียนโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 6488 ตำบลสามวาฝั่งตะวันออก อำเภอมีนบุรี (เมือง) กรุงเทพมหานคร ระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และระหว่างจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 4 และที่ 5 และเพิกถอนใบแทนโฉนดที่ดินทั้งสองแปลงดังกล่าวที่ออกให้ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2554 โดยให้ใช้ใบแทนโฉนดที่ดินที่ออกให้ครั้งแรกเป็นหลักฐานทางทะเบียนที่ดินต่อไป
จำเลยที่ 4 และที่ 5 อุทธรณ์คำพิพากษา
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ให้จำเลยที่ 4 และที่ 5 ร่วมกันเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ในจำนวนทุนทรัพย์ 18,000,000 บาท ตามคำขอท้ายฟ้องก่อนจึงจะพิจารณาสั่งอุทธรณ์
จำเลยที่ 4 และที่ 5 อุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
จำเลยที่ 4 และที่ 5 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 4 และที่ 5 ข้อเดียวว่า ฟ้องโจทก์เป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้หรือไม่ จำเลยที่ 4 และที่ 5 ฎีกาว่า โจทก์มิได้เรียกร้องให้ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงเป็นของโจทก์ คงขอให้ที่ดินพิพาททั้งสองแปลงกลับมาเป็นทรัพย์มรดกตามเดิม จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันไม่อาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ จำเลยที่ 4 และที่ 5 ต้องเสียค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์เพียง 200 บาท เท่านั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้เพิกถอนนิติกรรม การโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 14315 ตำบลสามวาตะวันออก อำเภอมีนบุรี (เมือง) กรุงเทพมหานคร ระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และระหว่างจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 3 และเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ดินโฉนดเลขที่ 6488 ตำบลสามวาฝั่งตะวันออก อำเภอมีนบุรี (เมือง) กรุงเทพมหานคร ระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 และระหว่างจำเลยที่ 2 กับจำเลยที่ 4 และที่ 5 ในที่ดินพิพาททั้งสองแปลงกลับคืนมาเป็นทรัพย์มรดกเพื่อประโยชน์แก่โจทก์ซึ่งเป็นทายาทและผู้จัดการมรดกของนางสาวสรรเจ้ามรดก หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 3 ร่วมกันชดใช้ราคาที่ดินโฉนดเลขที่ 14315 เป็นเงิน 2,000,000 บาท กับให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ที่ 4 และที่ 5 ร่วมกันชดใช้ราคาที่ดินโฉนดเลขที่ 6488 เป็นเงิน 18,000,000 บาท แก่กองมรดก คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ มีทุนทรัพย์ตามราคาที่ดินพิพาททั้งสองแปลง สำหรับที่ดินโฉนดเลขที่ 6488 โจทก์ตีราคาตามคำขอท้ายฟ้องเป็นเงิน 18,000,000 บาท เมื่อจำเลยที่ 4 และที่ 5 อุทธรณ์คำพิพากษาศาลชั้นต้นขอให้ยกฟ้อง สำหรับที่ดินโฉนดเลขที่ 6488 โดยแยกยื่นอุทธรณ์กับจำเลยที่ 2 คนละฉบับกันเช่นนี้ จำเลยที่ 4 และที่ 5 จึงต้องชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์อย่างคดีมีทุนทรัพย์ตามตาราง 1 (1) (ก) ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งและคำพิพากษาให้จำเลยที่ 4 และที่ 5 ร่วมกันชำระค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ในทุนทรัพย์ 18,000,000 บาท นั้นชอบแล้ว คำพิพากษาศาลฎีกาที่จำเลยที่ 4 และที่ 5 อ้างมาข้อเท็จจริงไม่ตรงกับคดีนี้ ฎีกาของจำเลยที่ 4 และที่ 5 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ