แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ
ย่อสั้น
ไม่มีย่อสั้น
ย่อยาว
(สำเนา)
คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่ ๒๑/๒๕๕๓
วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๓
เรื่อง คดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน
ศาลจังหวัดนครสวรรค์
ระหว่าง
ศาลปกครองพิษณุโลก
การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลจังหวัดนครสวรรค์โดยสำนักงานศาลยุติธรรมส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลวินิจฉัยชี้ขาดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๓) ซึ่งเป็นกรณีคู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลที่รับฟ้องคดี และศาลที่ส่งความเห็นและศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำนาจศาลในคดีนั้น
ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๑ นายชาญวิทย์ มกราพันธุ์ ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายประยูร มกราพันธุ์ โจทก์ ยื่นฟ้อง เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครสวรรค์ สาขาพยุหะคีรี จำเลย ต่อศาลจังหวัดนครสวรรค์ เป็นคดีหมายเลขดำที่ ๕๐๕/๒๕๕๑ ความว่า นายประยูร มกราพันธุ์ ผู้ตาย เป็นเจ้าของที่ดินตามแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (สค. ๑) เลขที่ ๕๙ ตั้งอยู่หมู่ที่ ๒ ตำบลย่านมัทรี อำเภอพยุหะคีรี จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน ๑๐ ไร่เศษ โดยซื้อที่ดินจากนายเจียม อิ่มเนย เมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๓๓ เดิมที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นของนายจง อิ่มเนย ซึ่งเข้าแผ้วถางทำประโยชน์มาตั้งแต่ปี ๒๔๕๐ อันเป็นเวลาก่อนมีประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน พ.ศ. ๒๔๗๙ ใช้บังคับ ต่อมาในปี ๒๔๘๕ นายจงยกที่ดินแปลงดังกล่าวให้นายเจียม และเมื่อวันที่ ๒๐ พฤษภาคม ๒๔๘๙ นายเจียมได้แจ้งสิทธิครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าวต่อพนักงานของรัฐไว้ นายประยูรได้ครอบครองที่ดินต่อเนื่องจากนายเจียมและนายจงมาโดยตลอด จึงเป็นการครอบครองทำประโยชน์ต่อเนื่องกันมาก่อนมีประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน อำเภอปากน้ำโพ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. ๒๔๗๙ เมื่อวันที่ ๑๙ เมษายน ๒๕๔๓ นายประยูรนำที่ดิน สค. ๑ เลขที่ ๕๙ ยื่นคำขอเพื่อออกโฉนดที่ดินต่อจำเลย และจำเลยได้ดําเนินการเพื่อออกโฉนดที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน โดยออกรูปโฉนดและแผนที่ที่ดินไว้แล้ว แต่ไม่ดำเนินการออกโฉนดที่ดิน แจกโฉนดที่ดิน ส่งมอบโฉนดที่ดินให้แก่นายประยูร นายประยูรจึงมีหนังสือทวงถาม แต่จำเลยมีหนังสือแจ้งว่าจะต้องส่งเรื่องการพิสูจน์สิทธิในที่ดินให้คณะกรรมการแก้ไขการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.) พิจารณาก่อน นายประยูรจึงยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลปกครองพิษณุโลก เป็นคดีหมายเลขดำที่ ๑๗๙/๒๕๕๐ ต่อมาวันที่ ๑๖ ตุลาคม ๒๕๕๐ นายประยูรเสียชีวิต และเมื่อวันที่ ๒๗ ธันวาคม ๒๕๕๐ ศาลปกครองพิษณุโลกมีคำพิพากษาเป็นคดีหมายเลขแดงที่ ๒๑๔/๒๕๕๐ ให้จำเลยพิจารณาวินิจฉัยสั่งการเกี่ยวกับคำขอออกโฉนดที่ดินดังกล่าวแล้วแจ้งให้นายประยูร ผู้ฟ้องคดี ทราบภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด ต่อมาวันที่ ๑๕ มกราคม ๒๕๕๑ จำเลยมีหนังสือแจ้งว่า ผู้ขอออกโฉนดไม่สามารถนำหลักฐานซึ่งเป็นเอกสารที่ทางราชการทำขึ้นเพื่อแสดงว่าได้ครอบครองทำประโยชน์อย่างต่อเนื่องมาก่อนการเป็นที่ดินของรัฐ และมติคณะอนุกรรมการเชื่อว่ามีการทำประโยชน์ในที่ดินแปลงดังกล่าวภายหลังการเป็นที่ดินของรัฐ จึงไม่สามารถออกโฉนดที่ดินให้แก่นายประยูรได้ การกระทำของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิครอบครองและกรรมสิทธิ์ในที่ดินของนายประยูร ขอให้ศาลพิพากษาแสดงสิทธิหรือกรรมสิทธิ์ในที่ดินแก่โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายประยูร กับขอให้บังคับจำเลยออกโฉนดที่ดิน แจกโฉนดที่ดิน และส่งมอบโฉนดที่ดินแก่โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายประยูร
จำเลยยื่นคำร้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลว่า คดีอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๙
จำเลยให้การว่า ที่ดินที่โจทก์นำมาขอออกโฉนดที่ดินเป็นการกล่าวอ้างลอยๆ ไม่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าครอบครองที่ดินมาก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน อำเภอปากน้ำโพ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. ๒๔๗๙ มีผลใช้บังคับ และคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐจังหวัดนครสวรรค์ (กบร.) คณะอนุกรรมการอ่านภาพถ่ายทางอากาศได้อ่านแปลตีความภาพถ่ายได้ความว่า ที่ดินแปลงพิพาทครอบครองทำประโยชน์ภายหลังจากพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินฯ มีผลใช้บังคับ จำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่ที่ดินพิพาทอยู่ในเขตหวงห้าม ทั้งมิได้มีการครอบครองทำประโยชน์มาก่อนดังกล่าวข้างต้น จำเลยจึงไม่สามารถออกโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ได้ โจทก์เคยยื่นฟ้องจำเลยประเด็นเดียวกันนี้ ต่อศาลปกครอง ศาลปกครองพิษณุโลกมีคำพิพากษาให้จำเลยวินิจฉัยสั่งการเกี่ยวกับคำขอออกโฉนดที่ดินและแจ้งให้โจทก์ทราบภายใน ๓๐ วันนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด ซึ่งจำเลยได้ดำเนินการแล้ว แต่โจทก์ไม่เห็นด้วยและอุทธรณ์คำสั่ง ต่อมาจำเลยได้มีคำสั่งยกอุทธรณ์ของโจทก์และแจ้งสิทธิให้โจทก์ทราบว่าหากประสงค์จะฟ้องโต้แย้งคำวินิจฉัยอุทธรณ์ให้ทำคำฟ้องเป็นหนังสือยื่นต่อศาลปกครอง แต่โจทก์กลับยื่นฟ้องคดีที่ศาลยุติธรรม ฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบ คดีไม่อยู่ในเขตอำนาจศาลยุติธรรม ขอให้จำหน่ายคดีหรือยกฟ้อง
ศาลจังหวัดนครสวรรค์พิจารณาแล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงตามฟ้องเป็นกรณีที่โจทก์มุ่งประสงค์ให้ศาลมีคำพิพากษารับรองหรือคุ้มครองสิทธิในที่ดินของโจทก์ ทั้งข้อโต้เถียงตามคำให้การ จำเลยต่อสู้ว่าที่ดินแปลงพิพาทที่โจทก์ครอบครองอยู่นั้นอยู่ในเขตหวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน อำเภอปากน้ำโพ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. ๒๔๗๙ จำเลยจึงไม่อาจออกโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ได้ ดังนี้เห็นได้ว่าโจทก์และจำเลยยังคงโต้เถียงกันเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินว่าเป็นของโจทก์หรือไม่เป็นสำคัญ อันศาลจำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ตามที่กล่าวอ้างหรือไม่ จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน ซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
ศาลปกครองพิษณุโลกพิจารณาแล้วเห็นว่า คำสั่งของจำเลยที่ปฏิเสธไม่ออกโฉนดที่ดินให้โจทก์เป็นการใช้อำนาจของเจ้าพนักงานที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน จึงเป็นคำสั่งทางปกครอง เมื่อโจทก์อ้างว่าครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินดังกล่าวก่อนมีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินอำเภอปากน้ำโพ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. ๒๔๗๙ มีสิทธิขอออกโฉนดที่ดิน โจทก์จึงได้รับความเสียหายจากการกระทำของจำเลย การที่โจทก์ฟ้องว่าคำสั่งทางปกครองไม่ชอบด้วยกฎหมายและมีคำขอให้จำเลยออกโฉนดที่ดินแก่โจทก์ จึงเป็นกรณีพิพาทตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) และ (๓) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ ซึ่งศาลปกครองมีอำนาจออกคำบังคับตามคำขอของโจทก์ได้ตามมาตรา ๗๒ วรรคหนึ่ง (๑) และ (๓) แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว ประกอบกับคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลปกครองที่เกี่ยวกับสิทธิแห่งทรัพย์สินมีผลผูกพันบุคคลภายนอก ซึ่งโจทก์อาจอ้างกับบุคคลภายนอกได้ ตามมาตรา ๗๑ (๔) แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน คดีจึงอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรมหรือศาลปกครอง
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า โจทก์เป็นเอกชนยื่นฟ้องจำเลยซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามฟ้องโจทก์อ้างว่า นายประยูร มกราพันธุ์ ผู้ตาย เป็นเจ้าของที่ดิน สค. ๑ เลขที่ ๕๙ จังหวัดนครสวรรค์ จำนวน ๑๐ ไร่เศษ โดยซื้อและครอบครองทำประโยชน์ต่อเนื่องในที่ดินแปลงดังกล่าวจากผู้มีชื่อ ซึ่งเข้าแผ้วถางทำประโยชน์ในที่ดินมาตั้งแต่ปี ๒๔๕๐ อันเป็นเวลาก่อนมีประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน อำเภอปากน้ำโพ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. ๒๔๗๙ ใช้บังคับ และในปี ๒๔๘๙ มีการแจ้งสิทธิครอบครองที่ดินแปลงดังกล่าวต่อพนักงานของรัฐไว้ ต่อมาในปี ๒๕๔๓ นายประยูรนำที่ดิน สค. ๑ เลขที่ ๕๙ ยื่นคำขอเพื่อออกโฉนดที่ดินต่อจำเลย จำเลยได้ดําเนินการเพื่อออกโฉนดที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน โดยออกรูปโฉนดและแผนที่ที่ดินไว้แล้ว แต่ไม่ดำเนินการออกโฉนดที่ดิน แจกโฉนดที่ดิน ส่งมอบโฉนดที่ดินให้แก่นายประยูร นายประยูรจึงยื่นฟ้องจำเลยต่อศาลปกครองพิษณุโลก แต่นายประยูรเสียชีวิตระหว่างการพิจารณา ต่อมาศาลปกครองพิษณุโลกมีคำพิพากษาให้จำเลยพิจารณาวินิจฉัยสั่งการเกี่ยวกับคำขอออกโฉนดที่ดินดังกล่าวแล้วแจ้งให้นายประยูร ผู้ฟ้องคดี ทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่คำพิพากษาถึงที่สุด จำเลยจึงมีหนังสือแจ้งว่าไม่สามารถออกโฉนดที่ดินให้แก่นายประยูรได้ การกระทำของจำเลยเป็นการโต้แย้งสิทธิครอบครองและกรรมสิทธิ์ในที่ดินของนายประยูร ขอให้ศาลพิพากษาหรือมีคำสั่งแสดงสิทธิหรือกรรมสิทธิ์ในที่ดินแก่โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายประยูร กับขอให้บังคับจำเลยออกโฉนดที่ดิน แจกโฉนดที่ดิน และส่งมอบโฉนดที่ดินแก่โจทก์ในฐานะผู้จัดการมรดก ส่วนจำเลยให้การว่า ที่ดินที่โจทก์นำมาขอออกโฉนดที่ดิน ไม่มีหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าครอบครองที่ดินมาก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน อำเภอปากน้ำโพ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. ๒๔๗๙ มีผลใช้บังคับ และคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐจังหวัดนครสวรรค์ (กบร.) คณะอนุกรรมการอ่านภาพถ่ายทางอากาศได้อ่านแปลตีความภาพถ่ายได้ความว่า ที่ดินแปลงพิพาทครอบครองทำประโยชน์ภายหลังจากพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินฯ มีผลใช้บังคับ จำเลยปฏิบัติหน้าที่โดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว แต่ที่ดินพิพาทอยู่ในเขตหวงห้าม ทั้งมิได้มีการครอบครองทำประโยชน์มาก่อนดังกล่าวข้างต้น จำเลยจึงไม่สามารถออกโฉนดที่ดินให้แก่โจทก์ได้ ขอให้ยกฟ้อง ดังนั้น การที่ศาลจะมีคำสั่งหรือคำพิพากษาตามที่โจทก์มีคำขอได้นั้น ศาลจำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่ดินที่โจทก์เป็นผู้มีสิทธิครอบครองก่อนวันที่พระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดิน อำเภอปากน้ำโพ อำเภอพยุหะคีรี อำเภอโกรกพระ จังหวัดนครสวรรค์ พ.ศ. ๒๔๗๙ มีผลใช้บังคับหรือเป็นที่ดินที่อยู่ในเขตหวงห้ามตามพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวเป็นสำคัญ จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คดีระหว่าง นายชาญวิทย์ มกราพันธุ์ ในฐานะผู้จัดการมรดกของนายประยูร มกราพันธุ์ โจทก์ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนครสวรรค์ สาขาพยุหะคีรี จำเลย อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
(ลงชื่อ) สบโชค สุขารมณ์ (ลงชื่อ) สุวัฒน์ วรรธนะหทัย
(นายสบโชค สุขารมณ์) (นายสุวัฒน์ วรรธนะหทัย)
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม
(ลงชื่อ) อักขราทร จุฬารัตน (ลงชื่อ) จรัญ หัตถกรรม
(นายอักขราทร จุฬารัตน) (นายจรัญ หัตถกรรม)
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง
(ลงชื่อ) พลโท ศานิต สร้างสมวงษ์ (ลงชื่อ) พลโท อาชวัน อินทรเกสร
(ศานิต สร้างสมวงษ์) (อาชวัน อินทรเกสร)
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร
(ลงชื่อ) จิระ บุญพจนสุนทร
(นายจิระ บุญพจนสุนทร)
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ