คำวินิจฉัยที่ 14/2560

แหล่งที่มา : ส่วนเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

คดีที่เอกชนยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐว่า ผู้ฟ้องคดีซื้อที่ดิน น.ส. ๓ ก. จากการขายทอดตลาดของสำนักงานบังคับคดีและยื่นคำขอรังวัดออกโฉนดที่ดิน แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และที่ ๓ คัดค้านการรังวัดที่ดินพิพาท โดยอ้างว่ารังวัดทับที่สาธารณประโยชน์ทำเลเลี้ยงสัตว์ทั้งแปลง ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เอกสารสิทธิในที่ดินเป็นเอกสารสิทธิที่ชอบด้วยกฎหมายและสามารถออกโฉนดที่ดินได้ เพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่มิชอบของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และที่ ๓ ที่คัดค้านการออกโฉนดที่ดินแก่ผู้ฟ้องคดีและให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ออกโฉนดที่ดินแก่ผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และที่ ๓ ให้การว่าสาเหตุที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานที่ดิน ไม่ออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ฟ้องคดีเนื่องจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และที่ ๓ ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่ดูแลรักษาที่สาธารณประโยชน์คัดค้านว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์และผู้ฟ้องคดีนำรังวัดทับที่สาธารณประโยชน์ในพื้นที่ทำเลเลี้ยงสัตว์ เห็นว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และที่ ๓ คัดค้านการรังวัดขอออกโฉนดที่ดินของผู้ฟ้องคดีเป็นการดำเนินการในฐานะผู้มีหน้าที่ดูแลรักษาที่สาธารณประโยชน์ อันเป็นการโต้แย้งว่าที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์ ไม่ใช่ที่ดินของผู้ฟ้องคดี และเมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ไม่ออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ฟ้องคดี เนื่องจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และที่ ๓ คัดค้านการรังวัด จึงเป็นกรณีที่ผู้ฟ้องคดีกับผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามโต้แย้งกันเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน ซึ่งการที่ศาลจะพิพากษาตามคำขอได้นั้น ศาลจำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่ดินพิพาทเป็นของผู้ฟ้องคดีตามที่กล่าวอ้างหรือเป็นที่สาธารณประโยชน์ จึงเป็นคดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

ย่อยาว

(สำเนา)

คำวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล
ที่ ๑๔/๒๕๖๐

วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๐

เรื่อง คดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน

ศาลปกครองอุบลราชธานี
ระหว่าง
ศาลจังหวัดอุบลราชธานี

การส่งเรื่องต่อคณะกรรมการ
ศาลปกครองอุบลราชธานีโดยสำนักงานศาลปกครองส่งเรื่องให้คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาลวินิจฉัยชี้ขาดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการวินิจฉัยชี้ขาดอำนาจหน้าที่ระหว่างศาล พ.ศ. ๒๕๔๒ มาตรา ๑๐ วรรคหนึ่ง (๓) ซึ่งเป็นกรณีคู่ความฝ่ายที่ถูกฟ้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลที่รับฟ้องคดีและศาลที่ส่งความเห็นและศาลที่รับความเห็นมีความเห็นแตกต่างกันในเรื่องเขตอำนาจศาลในคดีนั้น

ข้อเท็จจริงในคดี
เมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม ๒๕๕๘ นายชัยพร รักษาจันทร์ ผู้ฟ้องคดี ยื่นฟ้อง เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี สาขาวารินชำราบ ที่ ๑ นายอำเภอวารินชำราบ ที่ ๒ นายกเทศมนตรีตำบลเมืองศรีไค ที่ ๓ ผู้ถูกฟ้องคดี ต่อศาลปกครองอุบลราชธานี เป็นคดีหมายเลขดำที่ ๓๘๔/๒๕๕๘ ความว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๙๔๔ ตำบลเมืองศรีไค อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี โดยซื้อจากการขายทอดตลาดของสำนักงานบังคับคดีจังหวัดอุบลราชธานี และยื่นคำขอรังวัดออกโฉนดที่ดินต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ยังมิได้ดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ฟ้องคดีโดยมีหนังสือสำนักงานที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี สาขาวารินชำราบ ที่ อบ ๐๐๒๐.๐๘/๒๖๕๙๘ ลงวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ แจ้งให้ทราบว่า ผู้แทนนายอำเภอวารินชำราบคัดค้านการออกโฉนดที่ดินของผู้ฟ้องคดีโดยอ้างว่า รังวัดทับที่สาธารณประโยชน์ทำเลเลี้ยงสัตว์ทั้งแปลง ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้มีหนังสือประสานไปยังผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และที่ ๓ ในฐานะผู้มีอำนาจหน้าที่ในการดูแลรักษาที่สาธารณประโยชน์เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ปรากฏว่าการขอออกโฉนดที่ดินตาม น.ส. ๓ ก. แปลงดังกล่าว ทับที่สาธารณประโยชน์แปลงทำเลเลี้ยงสัตว์จริง จึงเป็นเหตุขัดข้องที่พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่สามารถออกโฉนดที่ดินได้ ผู้ฟ้องคดีเห็นว่า ขณะเจ้าพนักงานบังคับคดีจังหวัดอุบลราชธานีทำการยึดที่ดินพิพาทได้มีหนังสือสอบถามไปยังผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ว่าที่ดินพิพาทมีบุคคลใดยึดไว้ก่อนหรือไม่ เป็นที่ดินส่วนราชการใดหรือไม่ และเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์หรือไม่ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ แจ้งว่าที่ดินพิพาทไม่มีลักษณะตามที่สอบถาม จึงได้ประกาศขายทอดตลาดและผู้ฟ้องคดีซื้อที่ดินพิพาทมาโดยชอบ การกระทำของผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามทำให้ผู้ฟ้องคดีได้รับความเสียหาย ขอให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เอกสารสิทธิในที่ดินพิพาทเป็นเอกสารสิทธิที่ชอบด้วยกฎหมาย เพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่มิชอบของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และที่ ๓ ที่คัดค้านการออกโฉนดที่ดินของผู้ฟ้องคดี เพิกถอนคำสั่งทางปกครองของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ที่มีคำสั่งไม่ออกโฉนดที่ดินแก่ผู้ฟ้องคดี และให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ออกโฉนดที่ดินแก่ผู้ฟ้องคดี
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ให้การว่า ไม่สามารถออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ฟ้องคดีได้ เนื่องจากผู้มีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาที่สาธารณประโยชน์คัดค้านว่า ที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์และผู้ฟ้องคดีได้นำรังวัดทับที่สาธารณประโยชน์ในพื้นที่ทำเลเลี้ยงสัตว์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ แจ้งเหตุขัดข้องดังกล่าวให้ผู้ฟ้องคดีใช้สิทธิทางศาลเพื่อพิจารณาว่าที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์หรือไม่ จึงไม่สามารถออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ฟ้องคดีได้ ขอให้ยกฟ้อง
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ไม่ให้การ
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ให้การว่า ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ คัดค้านการขอออกโฉนดที่ดินของผู้ฟ้องคดี เนื่องจากที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์ ซึ่งเป็นที่ทำเลเลี้ยงสัตว์เป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในการดูแลรักษาที่สาธารณประโยชน์ ผู้ฟ้องคดีไม่อาจอ้างสิทธิใด ๆ ในที่ดินพิพาทได้ ขอให้ยกฟ้อง
ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ยื่นคำร้องโต้แย้งเขตอำนาจศาลว่า เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม
ศาลปกครองอุบลราชธานีพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้ถือสิทธิครอบครองในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๙๔๔ ตำบลเมืองศรีไค อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี โดยประมูลซื้อได้จากการขายทอดตลาดของสำนักงานบังคับคดีจังหวัดอุบลราชธานี และได้ยื่นคำขอฉบับที่ ๓๑๑/๕๔ ลงวันที่ ๑๑ กุมภาพัน์ ๒๕๕๔ ขอรังวัดออกโฉนดที่ดินต่อผู้ฟ้องคดีที่ ๑ ซึ่งเจ้าหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ได้ออกไปรังวัดทำแผนที่เสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่มิได้ดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ฟ้องคดี จนระยะเวลาได้ล่วงเลยมานานเกินสมควร ผู้ฟ้องคดีจึงมีหนังสือลงวันที่ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๕๘ ขอให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ออกโฉนดที่ดินให้ตามคำร้องขอ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ จึงได้มีหนังสือสำนักงานที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี สาขาวารินชำราบ ที่ อบ ๐๐๒๐.๐๐๘/๒๖๕๙๘ ลงวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๘ แจ้งผู้ฟ้องคดีทราบว่าผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และที่ ๓ ในฐานะผู้มีอำนาจหน้าที่ในการดูแลรักษาที่สาธารณประโยชน์ ตามมาตรา ๑๒๒ แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ และที่แก้ไขเพิ่มเติม คัดค้านว่าการนำรังวัดทับที่สาธารณประโยชน์ทำเลเลี้ยงสัตว์ทั้งแปลง จึงเป็นเหตุขัดข้องที่พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่สามารถดำเนินการออกโฉนดที่ดินให้ผู้ฟ้องคดีได้ และประเด็นขัดข้องดังกล่าว ผู้มีอำนาจหน้าที่ดูแลรักษาที่สาธารณประโยชน์ได้ยืนยันว่าสภาพที่ดินเป็นที่สาธารณประโยชน์ เจ้าพนักงานที่ดินจึงไม่มีอำนาจทำการสอบสวนเปรียบเทียบได้ตามมาตรา ๖๐ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน และหากผู้ฟ้องคดีเห็นว่าที่ดินที่ขอออกโฉนดที่ดินไม่เป็นที่สาธารณประโยชน์ ขอให้ผู้ฟ้องคดีใช้สิทธิทางศาล เพื่อให้มีการพิจารณาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสภาพที่ดินให้เป็นที่ยุติ เพื่อประกอบการพิจารณาดำเนินการต่อไป จึงเป็นกรณีที่ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามโต้แย้งเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมายในการออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ฟ้องคดีตามมาตรา ๖๐ แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ ที่ ๓ คัดค้านการรังวัด กรณีจึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน และมีอำนาจหน้าที่ในการออกโฉนดที่ดินแต่ละเลยไม่ออกโฉนดที่ดินให้ตามคำขอของผู้ฟ้องคดี จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการละเลยต่อหน้าที่ตามที่กฎหมายกำหนดให้ต้องปฏิบัติ หรือปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวล่าช้าเกินสมควร ตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) และ (๒) แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครอง
ศาลจังหวัดอุบลราชธานีพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ฟ้องคดีเป็นเอกชนยื่นฟ้องเจ้าหน้าที่ของรัฐ อ้างว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้มีสิทธิครอบครองในที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๙๔๔ โดยการประมูลซื้อจากการขายทอดตลาดของสำนักงานบังคับคดีจังหวัดอุบลราชธานี ผู้ฟ้องคดียื่นคำขอรังวัดออกโฉนดที่ดินต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และที่ ๓ ในฐานะผู้มีอำนาจในการดูแลรักษาที่สาธารณประโยชน์คัดค้านว่าการนำรังวัดทับที่ดินสาธารณประโยชน์ จึงเป็นเหตุขัดข้องที่พนักงานเจ้าหน้าที่ไม่สามารถออกโฉนดที่ดินให้ผู้ฟ้องคดีได้ ขอให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เอกสารสิทธิในที่ดินพิพาทเป็นเอกสารสิทธิที่ชอบด้วยกฎหมายและสามารถออกโฉนดที่ดินได้ เพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่มิชอบของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และที่ ๓ ที่คัดค้านการออกโฉนดที่ดินแก่ผู้ฟ้องคดีและให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ออกโฉนดที่ดินแก่ผู้ฟ้องคดีซึ่งได้รังวัดโดยชอบตามระเบียบ ขั้นตอนของกฎหมาย เห็นว่า เมื่อพิจารณาความมุ่งหมายของผู้ฟ้องคดีในการใช้สิทธิทางศาลก็เพื่อให้ศาลมีคำพิพากษารับรองคุ้มครองสิทธิในที่ดินพิพาท การที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งตามคำขอของผู้ฟ้องคดีได้นั้น ศาลจำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่ดินพิพาทเป็นสิทธิของผู้ฟ้องคดีตามที่กล่าวอ้างหรือที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์หรือไม่เป็นสำคัญ แล้วจึงจะพิจารณาประเด็นอื่นต่อไป จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

คำวินิจฉัย
ปัญหาที่ต้องพิจารณา คดีนี้อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลปกครองหรือศาลยุติธรรม
คณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีนี้ผู้ฟ้องคดีเป็นเอกชนยื่นฟ้องเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ นายอำเภอวารินชำราบ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และนายกเทศมนตรีตำบลเมืองศรีไค ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๓ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ อ้างว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. ๓ ก.) เลขที่ ๙๔๔ ตำบลเมืองศรีไค อำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี โดยซื้อจากการขายทอดตลาดของสำนักงานบังคับคดีจังหวัดอุบลราชธานีและยื่นคำขอรังวัดออกโฉนดที่ดินต่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ แต่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และที่ ๓ คัดค้านการรังวัดที่ดินพิพาท โดยอ้างว่ารังวัดทับที่สาธารณประโยชน์ทำเลเลี้ยงสัตว์ทั้งแปลง โดยขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้เอกสารสิทธิในที่ดินเป็นเอกสารสิทธิที่ชอบด้วยกฎหมายและสามารถออกโฉนดที่ดินได้ เพิกถอนคำสั่งทางปกครองที่มิชอบของผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และที่ ๓ ที่คัดค้านการออกโฉนดที่ดินแก่ผู้ฟ้องคดีและให้ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ออกโฉนดที่ดินแก่ผู้ฟ้องคดี ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ และที่ ๓ ให้การว่า สาเหตุที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ไม่ออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ฟ้องคดีเนื่องจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และที่ ๓ ซึ่งเป็นผู้มีหน้าที่ดูแลรักษาที่สาธารณประโยชน์คัดค้านว่าที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์และผู้ฟ้องคดีนำรังวัดทับที่สาธารณประโยชน์ในพื้นที่ทำเลเลี้ยงสัตว์ เห็นว่า การที่ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และที่ ๓ คัดค้านการรังวัดขอออกโฉนดที่ดินของผู้ฟ้องคดีเป็นการดำเนินการในฐานะผู้มีหน้าที่ดูแลรักษาที่สาธารณประโยชน์ ตามมาตรา ๑๒๒ แห่งพระราชบัญญัติลักษณะปกครองท้องที่ พระพุทธศักราช ๒๔๕๗ และระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน สำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน พ.ศ. ๒๕๕๓ อันเป็นการโต้แย้งว่าที่ดินพิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์ ไม่ใช่ที่ดินของผู้ฟ้องคดีและเมื่อผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ไม่ออกโฉนดที่ดินให้แก่ผู้ฟ้องคดี เนื่องจากผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๒ และที่ ๓ ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่ ดูแลรักษาที่สาธารณประโยชน์คัดค้านว่า ผู้ฟ้องคดีนำรังวัดทับที่สาธารณประโยชน์ จึงเป็นกรณีที่ผู้ฟ้องคดีกับผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสามโต้แย้งกันเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินซึ่งการที่ศาลจะพิพากษาตามที่ผู้ฟ้องคดีมีคำขอได้นั้น ศาลจำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่ดินพิพาทเป็นของผู้ฟ้องคดีตามที่กล่าวอ้างหรือเป็นที่สาธารณประโยชน์ จึงเป็นคดีเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินซึ่งอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

จึงวินิจฉัยชี้ขาดว่า คดีระหว่าง นายชัยพร รักษาจันทร์ ผู้ฟ้องคดี เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดอุบลราชธานี สาขาวารินชำราบ ที่ ๑ นายอำเภอวารินชำราบ ที่ ๒ นายกเทศมนตรีตำบลเมืองศรีไค ที่ ๓ ผู้ถูกฟ้องคดี อยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

(ลงชื่อ) วีระพล ตั้งสุวรรณ (ลงชื่อ) จิรนิติ หะวานนท์
(นายวีระพล ตั้งสุวรรณ) (นายจิรนิติ หะวานนท์)
ประธานศาลฎีกา กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลยุติธรรม

(ลงชื่อ) ปิยะ ปะตังทา (ลงชื่อ) ชาญชัย แสวงศักดิ์
(นายปิยะ ปะตังทา) (นายชาญชัย แสวงศักดิ์)
ประธานศาลปกครองสูงสุด กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลปกครอง

(ลงชื่อ) พลเรือโท ปรีชาญ จามเจริญ (ลงชื่อ) พลตรี พัฒนพงษ์ เกิดอุดม
(ปรีชาญ จามเจริญ) (พัฒนพงษ์ เกิดอุดม)
หัวหน้าสำนักตุลาการทหาร กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิของศาลทหาร

(ลงชื่อ) จิระ บุญพจนสุนทร
(นายจิระ บุญพจนสุนทร)
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ

Share