คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3052/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องให้จำเลยชำระหนี้ตามสัญญากู้ จำเลยอ้างสัญญาขายฝากซึ่งกำหนดราคาขายฝากไว้ 120,000 บาท เป็นพยาน โจทก์นำสืบว่าราคาขายฝากตามสัญญาขายฝากดังกล่าวตกลงกันไว้ 100,000 บาท เพื่อเป็นข้อแสดงให้เห็นถึงที่มาแห่งมูลหนี้ตามสัญญากู้ที่โจทก์ฟ้องว่ามีความเป็นมาอย่างไร ไม่ใช่การนำสืบเพื่อบังคับหรือไม่บังคับตามสัญญาขายฝากการนำสืบเช่นนี้จึงมิใช่กรณีที่จะอยู่ในบังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญากู้เงินโจทก์ ๒๐,๐๐๐ บาท ตกลงให้ดอกเบี้ยชั่งละบาทต่อเดือน ครบกำหนดแล้วจำเลยไม่ชำระต้นเงินและดอกเบี้ยให้โจทก์ คิดดอกเบี้ยถึงวันฟ้องเป็นเงิน ๒,๗๕๐ บาท ขอให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ย ๒๒,๗๕๐ บาท และให้ชำระดอกเบี้ยร้อยละ ๑.๒๕ บาท ต่อเดือนในต้นเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์จำเลยทำสัญญากู้ที่โจทก์ฟ้อง โดยมิได้กู้ยืมกัน เหตุที่ทำสัญญากู้เพราะจำเลยซื้อรถยนต์โจทก์ราคา ๑๖๐,๐๐๐ บาท ชำระเงินให้โจทก์แล้ว ๔๐,๐๐๐ บาท ที่เหลือ ๑๒๐,๐๐๐ บาท จำเลยนำที่ดินมาชำระให้โดยการขายฝาก โดยโจทก์จำเลยตกลงกันว่า ถ้าจำเลยไถ่ที่ดินคืน โจทก์จะคิดดอกเบี้ยจากจำเลยสองหมื่นบาท โจทก์จึงให้จำเลยเซ็นสัญญากู้เป็นนิติกรรมอำพรางไว้ เมื่อครบกำหนดไถ่คืน จำเลยไม่ประสงค์จะไถ่คืน ที่ดินตกเป็นของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีสิทธินำสัญญากู้มาฟ้องให้จำเลยชำระเงินกู้และดอกเบี้ย สัญญากู้เป็นโมฆะเพราะจำเลยมิได้รับเงินจากโจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า เงิน ๒๐,๐๐๐ บาท ตามสัญญากู้เป็นดอกเบี้ยอันต้องชำระเมื่อจำเลยไถ่ถอนการขายฝากที่ดิน ถ้าจำเลยไม่ไถ่ถอนก็ให้เป็นอันพับหรือยกเลิกกันไป เมื่อจำเลยไม่ไถ่ถอนโจทก์ย่อมหมดสิทธิเรียกร้องดอกเบี้ยหรือผลประโยชน์ตามสัญญากู้พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยทำสัญญากับโจทก์จำเลยจึงต้องรับผิดตามสัญญากู้ พิพากษากลับให้จำเลยใช้เงิน ๒๐,๐๐๐ บาท แก่โจทก์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๕ ต่อปี นับแต่วันกู้จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงแล้วฟังว่า จำเลยได้ทำสัญญากู้เงินให้โจทก์ โดยเอาจำนวนเงินค่ารถยนต์ที่ยังมิได้ชำระมาเป็นจำนวนหนี้ตามสัญญากู้มิใช่กรณีเรียกดอกเบี้ย จำเลยจึงต้องผูกพันรับผิดตามสัญญากู้ต่อโจทก์
ที่จำเลยฎีกาว่าการที่โจทก์นำสืบว่าการขายฝาก ๑๐๐,๐๐๐ บาท มิใช่ ๑๒๐,๐๐๐ บาท เป็นการสืบแก้ไขเอกสารต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔ และเป็นการสืบนอกฟ้องนั้น เห็นว่าคดีนี้โจทก์จำเลยพิพาทกันในเรื่องหนี้ตามสัญญากู้ การที่โจทก์นำสืบว่าสัญญาขายฝากที่จำเลยอ้างเป็นพยานนั้น ราคาขายฝากตกลงกันไว้เท่าใด เพื่อเป็นข้อแสดงให้เห็นที่มาแห่งมูลหนี้ตามสัญญากู้ที่โจทก์ฟ้องว่ามีความเป็นมาอย่างไร ไม่ใช่การนำสืบเพื่อบังคับหรือไม่บังคับตามสัญญาขายฝาก การสืบเช่นนี้จึงมิใช่กรณีที่จะอยู่ในบังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔ และไม่เป็นการสืบนอกฟ้อง
พิพากษายืน.

Share