คำวินิจฉัยที่ 123/2561

แหล่งที่มา : สำนักงานเลขานุการคณะกรรมการวินิจฉัยฯ

ย่อสั้น

คดีกลุ่มนี้ผู้ฟ้องคดีในแต่ละคดีเป็นเอกชนยื่นฟ้ององค์การบริหารส่วนตำบลบ่อนอก ที่ ๑ นายอำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ที่ ๒ เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ ๓ ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่ ๔ กรมที่ดิน ที่ ๕ ผู้ถูกฟ้องคดี ซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามมาตรา ๓ แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. ๒๕๔๒ อ้างว่า ผู้ฟ้องคดีเป็นผู้มีสิทธิครอบครองและทำประโยชน์ในที่ดินมือเปล่าในที่ดินพิพาท ต่อมาผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ยื่นคำขอออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง และชี้แนวเขตรังวัดทับที่ดินที่พิพาทของผู้ฟ้องคดี ขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งห้ามมิให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งห้ากระทำการใด ๆ เพื่อออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงที่สาธารณประโยชน์ประจำหมู่บ้านทับที่ดินของผู้ฟ้องคดี และให้ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งห้าเพิกถอนคำสั่งการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงที่สาธารณประโยชน์ประจำหมู่บ้าน ระหว่างพิจารณา ศาลปกครองเพชรบุรีมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๔ และที่ ๕ ไว้พิจารณา ผู้ถูกฟ้องคดีที่ ๑ ถึงที่ ๓ ให้การทำนองเดียวกันว่า เป็นการดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ในการดูแลรักษาและคุ้มครองป้องกันที่ดินอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน การออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงชอบด้วยกฎหมายแล้ว เห็นว่า แม้ผู้ฟ้องคดีจะยื่นฟ้องผู้ถูกฟ้องคดีซึ่งเป็นหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ โดยห้ามมิให้ฝ่ายผู้ถูกฟ้องคดีกระทำใด ๆ เพื่อออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงทับที่ดินแปลงพิพาทและอ้างว่าการดำเนินการออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายก็ตาม แต่เมื่อพิจารณาความมุ่งหมายของผู้ฟ้องคดีก็เพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งรับรองคุ้มครองสิทธิในที่ดิน การที่ศาลจะมีคำพิพากษาหรือคำสั่งให้ฝ่ายผู้ถูกฟ้องคดีเพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงหรือห้ามมิให้กระทำใด ๆ เพื่อออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง “ที่สาธารณประโยชน์ประจำหมู่บ้าน” ได้นั้น จำต้องพิจารณาให้ได้ความเสียก่อนว่า ที่ดินพิพาทผู้ฟ้องคดีเป็นผู้มีสิทธิครอบครองหรือเป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินเป็นสำคัญ แล้วจึงจะพิจารณาประเด็นอื่นต่อไป คดีนี้จึงเป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน อันอยู่ในอำนาจพิจารณาพิพากษาของศาลยุติธรรม

Share