คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4565/2544

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเข้าใจโดยสุจริตว่า โจทก์เบียดบังเอาทรัพย์สินของทางราชการไปขายเพื่อประโยชน์ส่วนตัวอันเป็นการไม่ชอบทำให้ราชการเสียหายและอาจทำให้จำเลยซึ่งรับราชการในตำแหน่งเดียวกันกับโจทก์และปฏิบัติงานร่วมกันต้องร่วมรับผิดด้วยในการที่ทรัพย์สินของทางราชการขาดหายไป การที่จำเลยมีหนังสือร้องเรียนโจทก์เป็นการกระทำเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรม จำเลยจึงไม่มีความผิดฐาน หมิ่นประมาทตาม ป.อ. มาตรา 329 (1)
ประเด็นที่พิจารณาในชั้นศาลมีว่าจำเลยกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือไม่ ไม่ได้พิจารณาว่าโจทก์กระทำความผิดหรือไม่ เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท แม้พยานหลักฐานในชั้นสอบสวนทางวินัยจะได้ความว่าโจทก์ไม่มีความผิดทางวินัย ก็ไม่ทำให้จำเลยมีความผิดฐานหมิ่นประมาท

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖ ให้จำเลยลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ รายวันทั่วไปเป็นเวลา ๗ วัน เพื่อขอขมาโจทก์
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖ จำคุก ๓ เดือน และปรับ ๕,๐๐๐ บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยต้องโทษในคดีอาญามาก่อน ประกอบอาชีพราชการ มานาน มีคุณงามความดีอยู่ตามสมควร จึงยกโทษจำคุกจำเลยเสีย คงให้ปรับเพียงอย่างเดียว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๕ หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามมาตรา ๒๙, ๓๐ คำขออื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า โจทก์และจำเลยทำงานร่วมกันที่ภาควิชาทันตพยาธิวิทยา คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในตำแหน่งนักวิทยาศาสตร์ จำเลยมีหนังสือร้องเรียนไปถึงผู้อำนวยการศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทางโทรศัพท์ สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี มีใจความว่า โจทก์นำสไลด์ฟันมนุษย์ชนิด ฝนแห้ง ๔๒๐ แผ่น และจุลพยาธิสไลด์ ๓๓๐ แผ่น ของภาควิชาทันตพยาธิวิทยา คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลซึ่งใช้เป็นสื่อการเรียนการสอนไปขายให้แก่คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ โดยใช้ชื่อของ ว. กับ ก. เป็นผู้ขายและให้ค่าตอบแทนเป็นเงิน ๓,๐๐๐ บาท และ ๑,๐๐๐ บาท ตามลำดับ แล้วเก็บเงินผลประโยชน์ไว้ไม่นำส่งเป็นรายได้ของคณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อันเป็นการทุจริตเบียดบังทรัพย์สินของ ทางราชการไปขาย ซึ่งอาจทำให้จำเลยเสียหาย ขอให้ช่วยขจัดการทุจริตให้หมดสิ้นไป
เมื่อพิจารณาจากพฤติการณ์แวดล้อมแล้ว เห็นว่าจำเลยเข้าใจโดยสุจริตว่า โจทก์เบียดบังเอาทรัพย์สินของทางราชการไปขายเพื่อประโยชน์ส่วนตัวอันเป็นการไม่ชอบ ทำให้ทางราชการเสียหายและอาจทำให้จำเลยซึ่งรับราชการในตำแหน่งเดียวกันกับโจทก์และปฏิบัติงานร่วมกันต้องร่วมรับผิดด้วยในการที่ทรัพย์สินของทางราชการขาดหายไป การที่จำเลยมีหนังสือร้องเรียนโจทก์ เป็นการกระทำเพื่อความชอบธรรม ป้องกันตนหรือป้องกันส่วนได้เสียเกี่ยวกับตนตามคลองธรรมจำเลยจึงไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๙ (๑)
ส่วนที่โจทก์ฎีกาว่า พยานปากต่าง ๆ ในชั้นสอบสวนทางวินัยของมหาวิทยาลัยมหิดล ให้การยืนยันว่าโจทก์ไม่มีความผิด แต่ทางมหาวิทยาลัยมหิดลผู้ครอบครองเอกสารดังกล่าวได้ส่งเอกสารให้โจทก์หลังจากศาลอุทธรณ์พิพากษาแล้ว โจทก์ไม่มีโอกาสนำคำให้การดังกล่าวมาเป็นพยานในศาลชั้นต้น ขอให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้น สืบพยานใหม่นั้น เห็นว่า ประเด็นที่พิจารณาในชั้นศาลมีว่าจำเลยกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาทหรือไม่ ไม่ได้พิจารณาว่าโจทก์กระทำความผิดหรือไม่ เมื่อการกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดฐานหมิ่นประมาท แม้พยานหลักฐานในชั้นสอบสวนทางวินัยจะได้ความว่าโจทก์ไม่มีความผิดทางวินัย ก็ไม่ทำให้จำเลยมีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามฎีกาของโจทก์ไม่มีเหตุที่ศาลฎีกาจะย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาคดีใหม่ คำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน

Share