คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1324/2510

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีอาญา จำเลยอ้างพยานเอกสารซึ่งอยู่ในความครอบครองของจำเลยและโจทก์ไม่รับรองความถูกต้อง เมื่อจำเลยไม่สืบพยานประกอบ พยานเอกสารนั้นก็รับฟังไม่ได้แต่ถ้าพยานเอกสารนั้นเป็นหนังสือราชการ ซึ่งต้นฉบับอยู่ในความครอบครองของทางราชการและที่จำเลยอ้างส่งต่อศาลเป็นสำเนาซึ่งเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 93 (3) รับรองถูกต้อง ก็รับฟังได้ ไม่ต้องสืบพยานประกอบ
ตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 เป็นอำนาจของรัฐมนตรีที่จะกำหนดสถานที่ที่จะใช้เป็นสถานีขนส่ง และต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อประกาศกำหนดสถานที่ที่จะใช้เป็นสถานีขนส่งแล้ว ผู้ประกอบการขนส่งจะต้องใช้สถานที่นั้นเป็นที่หยุดหรือจอดยานพาหนะ ถ้าฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา 69 และอธิบดีมีอำนาจกำหนดค่าบริการที่ผู้ประกอบการขนส่งจะต้องชำระให้แก่สถานีขนส่งตามมาตรา 50 (1) แต่ถ้ารัฐมนตรียังไม่ได้กำหนดสถานที่ให้เป็นสถานีขนส่ง ผู้ประกอบการขนส่งจัดหาสถานที่จอดพักรถโดยสารให้คนขึ้นลงได้เอง โดยไม่ให้ขัดขวางต่อการจราจร
เจ้าพนักงานจราจรมีอำนาจออกข้อบังคับหรือคำสั่งกำหนดสถานที่จอดพักรถได้ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2477 แต่ถ้าสถานที่จอดพักรถนั้นอยู่ในความครอบครองของเอกชนและเอกชนเป็นผู้เรียกเก็บค่าบริการในการจอดรถ ก็ไม่เป็นสถานที่จอดพักรถตามความหมายของพระราชบัญญัติจราจรทางบก แต่เป็นสถานีขอส่งตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ. 2497 ซึ่งบัญญัติให้เป็นอำนาจของรัฐมนตรีเป็นผู้กำหนดสถานทีที่ใช้เป็นสถานีขนส่ง เจ้าพนักงานจราจรไม่มีอำนาจกำหนด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยนำรถยนต์รับจ้างบรรทุกคนโดยสารไปจอดพักรถและรับส่งคนโดยสาร ณ สถานที่อันมิใช่เป็นสถานที่ที่เจ้าพนักงานจราจรกำหนดให้เป็นที่จอดพักรถขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๔๗๗ มาตรา ๖๖, ๖๙ พระราชบัญญัติจราจรทางบก (ฉบับที่ ๓) พ.ศ. ๒๔๘๑ มาตรา ๔
จำเลยให้การปฏิเสธ
จำเลยแถลงรับว่าได้กระทำตามข้อเท็จจริงตามฟ้องโดยเจตนา แต่จำเลยมีสิทธิในฐานะเป็นผู้รับขนส่ง
โจทก์จำเลยแถลงรับว่าจำเลยเป็นผู้รับอนุญาตให้เป็นผู้ขนส่งประจำทางโดยรถยนต์
โจทก์จำเลยไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า เจ้าพนักงานจราจรไม่มีอำนาจกำหนดที่จอดพักรถคำสั่งเจ้าพนักงานจราจรไม่มีผลใช้บังคับกับรถยนต์ของจำเลย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าประกาศของเจ้าพนักงานจราจรกำหนดสถานที่จอดพักรถมีผลบังคับได้ แต่ฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีเจตนากระทำการฝ่าฝืนข้อบังคับและคำสั่งของเจ้าพนักงานจราจร จำเลยไม่ต้องรับผิดในทางอาญา พิพากษายืนในผลที่ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เอกสาร ล.๑ อยู่ในความครอบครองของจำเลยและโจทก์ไม่รับรองความถูกต้อง เมื่อจำเลยไม่สืบพยาน พยานเอกสารฉบับนี้ก็รับฟังไม่ได้ แต่เอกสารหมาย ล.๒ และ ล.๓ เป็นหนังสือราชการ ซึ่งต้นฉบับอยู่ในความครอบครองของทางราชการ ที่จำเลยอ้างส่งศาลเป็นสำเนาที่เจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๓(๓) รับรองถูกต้องแล้ว จึงรับฟังได้เหมือนต้นฉบับ จำเลยไม่ต้องสืบพยานประกอบ
สถานีขนส่งตามพระราชบัญญัติการขนส่ง พ.ศ.๒๔๙๗ เป็นอำนาจของรัฐมนตรีที่จะกำหนดสถานที่ที่จะใช้เป็นสถานีขนส่งขึ้น และต้องประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อประกาศกำหนดสถานที่ที่จะใช้เป็นสถานีขนส่งแล้ว ผู้ประกาศการขนส่งจะต้องใช้สถานที่นี้เป็นที่หยุดหรือจอดยานพาหนะ ถ้าฝ่าฝืนมีความผิดตามมาตรา ๖๙ และตามมาตรา ๕๐ (๑) อธิบดีมีอำนาจกำหนดค่าบริการทีผู้ประกอบการขนส่งจะต้องชำระให้แก่สถานีขนส่ง แต่ถ้ารัฐมนตรียังไม่ได้กำหนดสถานที่ให้เป็นสถานีขนส่งทางราชการมีความมุ่งหมายให้ผู้ประกอบการขนส่งจัดหาสถานที่จัดพักรถโดยสารให้คนขึ้นลงเองได้โดยไม่ขัดขวางต่อการจราจร
ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก เจ้าพนักงานจราจรมีอำนาจออกข้อบังคับหรือคำสั่งกำหนดสถานที่จอดพักรถได้ แต่สถานที่ที่เจ้าพนักงานจราจรกำหนดให้เป็นที่จอดพักรถเพื่อรับส่งคนโดยสารอยู่ในที่ซึ่งอยู่ในความครอบครองของเอกชนและเอกชนได้เรียกเก็บค่าบริการในการจอดรถ ไม่ใช่เป็นที่จอดพักรถตามความหมายแห่งพระราชบัญญัติจราจรทางบก แต่เป็นการกำหนดสถานที่ที่ใช้เป็นสถานีขนส่งตามพระราชบัญญัติการขนส่ง ซึ่งบัญญัติให้เป็นอำนาจของรัฐมนตรี เจ้าพนักงานจราจรไม่มีอำนาจกำหนด ฉะนั้น คำสั่งกำหนดสถานที่จอดพักรถจึงไม่มีผลบังคับตามกฎหมาย แม้จำเลยจะฝ่าฝืนก็ไม่มีความผิด
พิพากษายืนในผลที่ให้ยกฟ้อง

Share