แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำบรรยายฟ้องที่ไม่ถือว่าเคลือบคลุม
กฎหมายห้ามมิให้โจทก์อ้างตัวจำเลยเป็นพยานโจทก์เท่านั้น มิได้ห้ามโจทก์อ้างผู้ที่กระทำผิดเช่นเดียวกับจำเลยมาเป็นพยาน
ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยแผ้วถางที่ดินที่ยังมีสภาพเป็นป่าอยู่โดยรอบ จำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ได้ถางที่ดินที่ยังมีสภาพเป็นป่า เป็นการถางที่มีประโยชน์ที่ไม่มีสภาพเป็นป่า ข้อเถียงดังนี้เป็นการเถียงข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจทำการแผ้วถางป่าสันควนยาวในเขตป่าเขาหลวงอันเป็นการทำลายป่าในท้องที่ตำบลเขาแก้ว จำนวนเนื้อที่ ๕ ไร่ โดยไม่ได้รับอนุญาต และได้ตัดฟันไม้หวงห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติป่าไม้หลายฉบับ และสั่งให้จำเลยและบริวารงดเว้นกระทำการยึดถือครอบครองและออกจากที่ดินในเขตป่าคุ้มครองตามฟ้อง และริบไม้ของกลาง
ศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยได้ทำการแผ้วถางป่าจริง แต่ในเรื่องตัดฟันไม้หวงห้ามไม่แน่นอนฟังได้ว่าใครเป็นผู้ตัดฟัน ยังฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พ.ศ. ๒๔๘๔ มาตรา ๕๔; (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๓ มาตรา ๑๑, ๑๖ ลงโทษปรับ ๔๐๐ บาท ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐ ให้จำเลยงดเว้นการยึดถือครอบครองป่า ของกลางริบ คำฟ้องโจทก์นอกนั้นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลรับฎีกาเฉพาะปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่จำเลยฎีกาคัดค้านว่าฟ้องของโจทก์เคลือบคลุมเลื่อนลอยไม่แจ้งถนัดชัดเจนเจาะจง ยากแก่การที่จำเลยจะต่อสู้คดี และเป็นเหตุน่าสงสัย กล่าวคือ โจทก์กล่าวในฟ้องว่าจำเลยแผ้วถางป่าในสันควรยาวเขตป่าเขาหลวง ท้องที่ตำบลเขาแก้ว (อำเภอลานสกา จังหวัดนครศรีธรรมราช) ทำให้ไม่รู้ว่าที่ตรงไหน เขาใหญ่สันควรยาวมีอาณาเขตกว้างขวาง เนื้อที่ประมาณ ๕๐,๐๐๐ ไร่ มิได้เอาแผนที่ส่งศาลให้จำเลยทราบ โจทก์มิได้ชี้ชัดว่าจุดตรงไหนในแผนที่ที่จำเลยได้กระทำผิด สถานที่กระทำผิดทิศต่าง ๆ ได้จดกับอะไร จึงเป็นฟ้องที่เคลือบคลุมสงสัยนั้น โจทก์ก็ได้บรรยายถึงสถานที่กระทำผิดมาในฟ้องเป็นการพอสมควรที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้แล้ว สมกับรูปเรื่องป่าที่ถูกถางเป็นที่ส่วนเล็กน้อยอยู่ในป่าใหญ่นั้น ก็เป็นธรรมดาที่เข้าใจได้แล้วว่าอยู่ในวงเขตป่าใหญ่นั้นเอง จะให้บอกทิศทางว่าจดกับที่อะไร ซึ่งถ้าเป็นการถางกลางป่าก็ย่อมจะบอกอะไรอื่นไม่ได้นอกจากจะว่าจดกับที่ป่าด้วยกัน
ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลล่างฟังเอาคำนายเพิ่ม จวบศิลป์ พยานผู้กระทำผิดเช่นเดียวกับจำเลยมาใช้ลงโทษจำเลยไม่ได้นั้น เห็นว่า มีกฎหมายห้ามมิให้โจทก์อ้างตัวจำเลยเป็นพยานของโจทก์เท่านั้น นายเพิ่มมิใช่ตัวจำเลย โจทก์จึงอ้างได้
ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยได้เข้าปกครองที่ดินทำประโยชน์มานานได้แผ้วถางก่อสร้างทั้ดินรายที่ถูกฟ้องมาก่อนประกาศกฤษฎีกาหวงห้ามมาแล้ว จะถือว่าจำเลยกระทำผิดอันควรลงโทษไม่ได้นั้น เห็นว่า ข้อเถียงดังนี้เป็นการเถียงข้อเท็จจริงดังที่ศาลล่างว่ามาแล้ว กล่าวคือ ศาลอุทธรณ์ฟังว่าจำเลยแผ้วถางที่ดินที่ยังมีสภาพเป็นป่าอยู่โดยรอบ แต่กรณีตามที่จำเลยยกขึ้นคัดค้านมานี้เท่ากับจำเลยโต้เถียงขึ้นว่าจำเลยไม่ได้ถางที่ดินที่ยังมีสภาพเป็นป่าอยู่เหมือนเดิม จำเลยถางคราวหลังที่ถูกฟ้องเป็นการถางที่มีประโยชน์ที่ไม่มีสภาพเป็นป่าไปแล้ว จะมีความผิดฐานถางป่าได้อย่างไร ข้อเถียงดังนี้โดยผลก็เป็นการเถียงข้อเท็จจริงดังกล่าวนั้นเอง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ จึงไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย.