คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1402/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่ดินและบ้านพิพาทจะเป็นของผู้ใดไม่สำคัญ เมื่อจำเลยครอบครองอยู่เดิมแล้วสละการครอบครองให้ผู้เสียหายเป็นการตีใช้หนี้ไป การยกที่ดินและบ้านตีใช้หนี้จะสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ก็ตาม แต่ผู้เสียหายก็ได้ไปซึ่งการครอบครอง จำเลยทราบดีอยู่แล้วว่า ผู้เสียหายครอบครองอยู่โดยชอบธรรม หากจำเลยเห็นว่าผู้เสียหายไม่มีสิทธิในทรัพย์พิพาท ก็ชอบที่จะดำเนินการตามกฎหมายเพื่อรักษาสิทธิของตน ไม่มีอำนาจเข้าไปรบกวนการครอบครองของเขา เมื่อจำเลยยังขืนเข้าไปอยู่อาศัยก็เป็นการรบกวนการครอบครองของผู้เสียหายโดยปกติสุข จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362
(อ้างฎีกาที่ 1/2512)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบังอาจบุกรุกเข้าไปในบ้านและที่ดินอันเป็นอสังหาริมทรัพย์ของผู้เสียหาย เพื่อยึดถือการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมด และเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์โดยปกติสุข ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒ ให้จำคุก ๓ เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์ ปล่อยจำเลยพ้นข้อหาไป
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้ตกลงเซ็นชื่อมอบยกบ้านพิพาทให้แก่ผู้เสียหายเป็นการตีใช้หนี้แล้ว และได้ออกจากบ้านพิพาทไปแล้ว แต่นายกังพ่อตาไม่ยินยอม อ้างว่าห้องเป็นของนายกัง จำเลยจึงกลับเข้ามาอยู่อีก และเห็นว่าที่ดินและบ้านพิพาทจะเป็นของผู้ใดไม่สำคัญ เมื่อจำเลยครอบครองอยู่เดิมแล้วสละการครอบครองให้ผู้เสียหายเป็นการตีใช้หนี้ไป การยกที่ดินและบ้านตีใช้หนี้จะสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ก็ตาม แต่ผู้เสียหายก็ได้ไปซึ่งการครอบครอง จำเลยทราบดีอยู่แล้วว่าผู้เสียหายครอบครองอยู่โดยมิชอบ หากจำเลยเห็นว่าผู้เสียหายไม่มีสิทธิในทรัพย์พิพาท ก็ชอบที่จะดำเนินการตามกฎหมายเพื่อรักษาสิทธิของตน ไม่มีอำนาจเข้าไปรบกวนการครอบครองของเขา เมื่อจำเลยขืนเข้าไปอยู่อาศัยก็เป็นการรบกวนการครอบครองของผู้เสียหายโดยปกติสุข จึงมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒ ดังนัยฎีกาที่ ๑/๒๕๑๒
พิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ บังคับคดีไปตามศาลชั้นต้นแต่จำเลยต้องขังมาพอแก่โทษแล้ว ให้ปล่อยตัวไป

Share