แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ย่อยาว
การนับเวลาล่วงเลยการลงอาญาตามมาตรา ๘๓ นั้น ท่านให้นับตั้งแต่วันพิพากษาโทษอันเปนคำพิพากษาชั้นที่สุดแห่งคดีฤาตั้งแต่วันมันผู้ต้องโทษพ้นอาญาไป แลคำว่าพ้นอาญานี้ คือ พ้นอาญาตามคำพิพากษาอันถึงที่สุดดุจกัน
จำเลยต้องคำพิพากษาศาลเดิมให้จำคุก ๕ ปี ฐานปล้นทรัพย์ จำเลยอุทธรณ์ ในระหว่างอุทธรณ์จำเลยหลบหนีไปเมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ. ๒๔๖๐ ครั้นวันที่ ๒๘ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๔๖๐ ศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษพิพากษายืนตามคำตัดสินศาลเดิม ๆ ได้อ่านคำพิพากษาให้โจทย์แลจำเลยอื่นฟังในวันที่ ๑๔ สิงหาคม ๒๔๖๐ ต่อมาวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๕ จับตัวจำเลยได้ ศาลเดิมอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ข้าหลวงพิเศษให้จำเลยฟัง วันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๔๖๕ คดีเปนอันถึงที่สุด
ศาลเดิมเห็นว่าคดีล่วงเลยการลงอาญาตามมาตรา ๘๒ แล ๘๓ ให้ปล่อยจำเลย
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า จำเลยหนีระหว่างคดียังไม่ถึงที่สุด แลถ้านับเมื่อคดีถึงที่สุดก็ยังไม่ล่วงเลยกำหนด ๕ ปี ตามมาตรา ๘๒ ข้อ ๓ จะวินิจฉัยว่าคดีล่วงเลยการลงอาญาไม่ได้ ตามฎีกาที่ ๓๘๔/๒๔๖๓ ให้จำคุกจำเลย
ศาลฎีกาปฤกษาทับสัตย์ แลอ้างฎีกาที่ ๑๐๗๒/๒๔๖๔