แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกิน 5 ปี และฟังข้อเท็จจริงว่ากัญชาของกลางมีจำนวน 14,000 กรัม การที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้ตรวจพิสูจน์กัญชาของกลางทั้งหมดเพียงแต่สุ่มตรวจ 200 กรัม เท่านั้น ของกลางจำนวน 14,000 กรัมอาจไม่ใช่กัญชาทั้งหมดก็ได้นั้น เป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลล่างทั้งสองฟังมาเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 26 วรรคหนึ่ง, 75 วรรคหนึ่ง, 76 วรรคหนึ่ง การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษตามมาตรา 75วรรคหนึ่ง จำคุก 4 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี ริบของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นปัญหาข้อเท็จจริงซึ่งต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 และผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาในศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ภาค 7 ไม่อนุญาตให้ฎีกา ไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาจำเลยข้อ 2.1 ประเด็นที่ว่า โจทก์ยังมิได้ตรวจพิสูจน์กัญชาซึ่งเป็นของกลางทั้งหมด เป็นเพียงการสุ่มตัวอย่างจากของกลางทั้งหมด ของกลางจำนวน12,000 กรัม (ที่ถูกน่าจะเป็น 14,000 กรัม) อาจไม่ใช่กัญชาทั้งหมดก็ได้ โจทก์จึงยังไม่มีอำนาจฟ้อง ฎีกาของจำเลยจึงเป็นปัญหาข้อกฎหมาย ซึ่งควรได้รับการพิจารณาจากศาลฎีกา ขอให้มีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยด้วย
ศาลฎีกามีคำสั่งว่า “พิเคราะห์แล้วศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษายืนตามศาลล่างและให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี โดยศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่าของกลางเป็นกัญชาจำนวน 14,000 กรัม จำเลยฎีกาว่าโจทก์มิได้ตรวจพิสูจน์กัญชาของกลางทั้งหมดเพียงแต่สุ่มตรวจ 200 กรัม เท่านั้น ของกลางจำนวน 14,000 กรัม อาจไม่ใช่กัญชาทั้งหมดก็ได้ ข้อฎีกาของจำเลยดังกล่าวเป็นการโต้แย้งข้อเท็จจริงที่ศาลล่างทั้งสองรับฟังมาจึงเป็นปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยนั้นชอบแล้ว ยกคำร้อง”