แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยที่ 1 และที่ 2 เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับ
จำเลยที่ 1 ที่ 2 เห็นว่า ฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157และคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ยังคลาดเคลื่อนต่อข้อเท็จจริงที่ปรากฏในสำนวน เนื่องจากทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ยังไม่ได้วินิจฉัยคำเบิกความของพยานโจทก์และจำเลยอีกหลายปากและหลายตอน ขอศาลฎีกาได้โปรดสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 196)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยทั้งสี่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ให้จำคุกจำเลยคนละ 3 ปี
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับดังกล่าว(อันดับ 193)
ทนายจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 196) ก่อนที่ศาลชั้นต้นจะส่งคำร้องดังกล่าวมาให้ศาลฎีกาพิจารณาสั่ง เฉพาะจำเลยที่ 1 ได้ยื่นคำร้องว่าไม่ประสงค์จะฎีกาต่อไป ขอถอนฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งอนุญาตให้ถอนฎีกาและถอนอุทธรณ์คำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 แล้ว (อันดับ 197 แผ่นที่ 2)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดดังโจทก์ฟ้องหรือไม่ก็ดี และที่ว่าคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คลาดเคลื่อนต่อข้อเท็จจริงหลายตอนก็ดี ตามเนื้อหาในฎีกาล้วนแต่เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์ฟังมา จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ให้ยกคำร้อง