แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า คดีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา แต่เนื่องจากโจทก์ถึงแก่ความตายเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2530 ผู้ร้องซึ่งเป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายและเป็นผู้จัดการมรดกของโจทก์ (ปรากฏตามเอกสารต่างๆ ที่แนบมาท้ายคำร้องนี้) มีความประสงค์ที่จะดำเนินคดีต่างโจทก์ผู้ตายต่อไป โปรดอนุญาต
หมายเหตุ จำเลยที่ 1 ที่ 4 แถลงไม่คัดค้าน (อันดับ 189)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งเจ็ดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 148,149,157,172,173,174,181,83,84 ฯลฯ
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีโจทก์มีมูลเฉพาะจำเลยที่ 1 และที่ 4 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149,83 ส่วนคดีโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ที่ 3 ที่ 5 ที่ 6 และที่ 7 ไม่มีมูล จึงมีคำสั่งให้ประทับฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1 และที่ 4 ไว้พิจารณา
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ศาลชั้นต้นประทับฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 3 ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ไว้พิจารณาและให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 จำคุกคนละ 6 ปี จำเลยที่ 3 มีความผิดตามมาตรา 157 จำคุก 2 ปี พยานจำเลยที่นำสืบมาแล้วเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง สมควรลดโทษให้จำเลยคนละหนึ่งในสี่ คงจำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 4 คนละ 4 ปี 6 เดือน จำคุกจำเลยที่ 3 มีกำหนด 1 ปี 6 เดือน
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา (อันดับ 179)
คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา
ผู้ร้องยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 183) โดยศาลชั้นต้นได้นัดพร้อมแล้ว จึงให้รวบรวมถ้อยคำสำนวนส่งศาลฎีกาเพื่อมีคำสั่งต่อไป (อันดับ 189)
คำสั่ง
ผู้เสียหายยื่นฟ้องแล้วตายลง ผู้ร้องซึ่งเป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายมีสิทธิดำเนินคดีต่างผู้ตายต่อไปได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 29 อนุญาตให้ผู้ร้องเข้าเป็นผู้ดำเนินคดีต่างผู้ตายได้
