คำสั่งคำร้องที่ 1341/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า ผู้ร้องฎีกา ถ้าปล่อยให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทำการขายทอดตลาดที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่พิพาทไปในระหว่างฎีกา หากต่อมาศาลฎีกาพิพากษากลับคำพิพากษาของศาลล่างทั้งสอง ย่อมจะทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ร้องและยุ่งยากต่อการจดทะเบียนสิทธินิติกรรมทั้งเป็นการทำให้ยากแก่การกลับคืนสู่ฐานะเดิมของผู้ร้องอีกด้วยโปรดมีคำสั่งให้งดการบังคับคดีไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 123)กรณีเป็นชั้นบังคับคดี
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2527 โจทก์ได้นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดที่ดินโฉนดเลขที่ 64413 แขวงหนองบอน(สำโรงฝั่งเหนือ) เขตพระโขนง กรุงเทพมหานคร พร้อมบ้านเลขที่ 88ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าว โดยอ้างว่าเป็นทรัพย์สินของจำเลยและได้ประมาณราคาไว้เป็นเงิน 225,600 บาท เพื่อนำออกขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษา ต่อมาผู้ร้องยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าทรัพย์ที่เจ้าพนักงานบังคับคดียึดไว้ดังกล่าวนี้เป็นกรรมสิทธิ์ของผู้ร้องโดยชอบด้วยกฎหมายแต่ผู้เดียว จำเลยหามีสิทธิใด ๆในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวนี้ไม่ ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งปล่อยทรัพย์ที่ยึดไว้ดังกล่าว
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกคำร้อง ของผู้ร้องขัดทรัพย์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้ร้องฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 119,118)
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งให้ระงับการบังคับคดีไว้ในระหว่างอุทธรณ์(อันดับ 110)

คำสั่ง
คำร้อง ของผู้ร้องพอแปลได้ว่าผู้ร้องขอคุ้มครองประโยชน์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 264 พิเคราะห์แล้วเห็นสมควรให้งดการขายหรือจำหน่ายทรัพย์พิพาทไว้ในระหว่างฎีกา

Share