คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2900/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ข้ออ้างของทนายจำเลยในการขอขยายระยะเวลาอุทธรณ์ที่ว่า จำเลยไม่นำหนังสือรับรองที่ใช้ประกอบคำอุทธรณ์มาให้ทนายจำเลยกับอ้างประโยชน์แห่งความยุติธรรม และมิได้ทำให้โจทก์เสียเปรียบในรูปคดีนั้น มิใช่พฤติการณ์พิเศษที่ศาลจะสั่งขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ประกอบกับ ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 23

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษา เมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๙ ว่าจำเลยกระทำความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯ และลหุโทษ ให้ปรับจำเลย ๗๐๐ บาท
ต่อมาวันที่ ๑๓ มีนาคม ๒๕๒๙ จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปอีก ๗ วัน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าไม่มีพฤติการณ์พิเศษ ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปรากฏจากสำนวนว่า ในวันสุดท้ายของอายุอุทธรณ์ จำเลยยื่นคำร้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์อ้างเหตุว่าจำเลยติดต่อให้ทนายจำเลยยื่นอุทธรณ์ ทนายจำเลยสอบถามจำเลย จำเลยบอกว่าเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่อยู่ที่สถานีขนส่งบริษัทขนส่ง จำกัด อำเภอชุมแพทนายจำเลยให้ไปเอาหนังสือรับรองจากนายสถานีและทะเบียนปืนที่จังหวัดพิจิตรจนถึงวันยื่นคำร้องดังกล่าว จำเลยยังไม่กลับมา เพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม มีความจำเป็นต้องขอขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ออกไปอีก ๗ วันมิได้ทำให้โจทก์ได้รับความเสียเปรียบในรูปคดี พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า ข้ออ้างที่ทนายจำเลยอ้างต่อศาลชั้นต้นว่า จำเลยไม่นำหนังสือรับรองที่ใช้ประกอบคำอุทธรณ์มาให้ทนายจำเลย กับอ้างประโยชน์แห่งความยุติธรรม มิได้ทำให้โจทก์เสียเปรียบในรูปคดีนั้นมิใช่พฤติการณ์พิเศษที่ศาลจะสั่งขยายระยะเวลายื่นอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณษความอาญา มาตรา ๑๕ ประกอบกับประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓
พิพากษายืน.

Share