แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยรับฝากเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้จาก ส. ด้วยการซุกซ่อนไว้ในเสื้อยกทรงของจำเลยในขณะที่จำเลยกับพวกขับรถผ่านด่านตรวจเพื่อช่วยเหลือ ส. ให้นำเมทแอมเฟตามีนของกลางให้รอดพ้นจากการตรวจค้นของเจ้าพนักงานตำรวจโดยไม่ถูกจับกุม เป็นการช่วยเหลือเพื่อให้ความสะดวกแก่ ส. ในการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุน ส. ให้กระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 100, 100/1, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 83 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง เพิ่มโทษจำเลยเป็นสามเท่าตามที่กฎหมายกำหนด
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 15 วรรคสาม (2), 66 วรรคสอง, 100 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86 ให้จำคุก 8 ปี และปรับ 800,000 บาท ทางนำสืบในชั้นพิจารณาของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ เห็นสมควรลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 เป็นจำคุก 5 ปี 4 เดือน และปรับ 533,333.33 บาท หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 (ที่แก้ไขใหม่) ในการกักขังแทนค่าปรับให้กักขังได้เกิน 1 ปี แต่ไม่เกิน 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติโดยคู่ความไม่ได้โต้แย้งในชั้นฎีกาว่า จำเลยกับนายสมเจตน์ เป็นสามีภริยากันโดยไม่ได้จดทะเบียนสมรส จำเลยเป็นข้าราชการสังกัดกรมหม่อนไหม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก่อนเกิดเหตุนายสมเจตน์ขับรถยนต์ หมายเลขทะเบียน ฌย 5523 กรุงเทพมหานคร พร้อมจำเลยและนายอนุพงษ์ กับนายพนมกร เพื่อนนายสมเจตน์เดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดในภาคเหนือและพักค้างคืนที่จังหวัดเชียงใหม่ ขณะพักค้างคืนนายสมเจตน์และเพื่อนชายทั้งสองร่วมกันเสพเมทแอมเฟตามีน โดยจำเลยไม่ได้ร่วมเสพเมทแอมเฟตามีนแล้วนายสมเจตน์เก็บเมทแอมเฟตามีนที่เหลืออีก 26 เม็ด ไว้ที่ตัว ต่อมาวันที่ 26 พฤษภาคม 2557 นายสมเจตน์ขับรถยนต์พาจำเลยและเพื่อนชายทั้งสองเดินทางไปอำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ขณะรถยนต์กำลังจะแล่นผ่านด่านตรวจถาวรอำเภอแม่จัน ร้อยตำรวจโท จรัญ เจ้าพนักงานตำรวจประจำด่านตรวจเห็นนายสมเจตน์และเพื่อนชายสองคนมีลักษณะคล้ายคนเพิ่งเสพยาเสพติดมาจึงขอตรวจหาสารเสพติดในปัสสาวะของนายสมเจตน์และเพื่อนชายทั้งสอง และพบว่ามีสารเสพติดอยู่จริง และเมื่อมีการตรวจค้นตัวจำเลยก็พบเมทแอมเฟตามีน 26 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในเสื้อยกทรงของจำเลย นายสมเจตน์และจำเลยให้การว่าเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวเป็นของนายสมเจตน์ที่ฝากจำเลยไว้
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยกระทำความผิดตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์หรือไม่ โจทก์มีร้อยตำรวจโท จรัญ และดาบตำรวจ สันติสุข เจ้าพนักงานตำรวจร่วมจับกุมจำเลยเป็นพยานเบิกความทำนองเดียวกันว่า ขณะที่พยานทั้งสองปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ด่านตรวจถาวรอำเภอแม่จัน และให้นายสมเจตน์หยุดรถยนต์เก๋งที่กำลังขับให้ตรวจอยู่นั้น ดาบตำรวจ สันติสุขสังเกตเห็นนายสมเจตน์กับชายอีกสองคนในรถยนต์มีท่าทางคล้ายคนที่เสพยาเสพติดให้โทษมา จึงสั่งให้นายสมเจตน์ขับรถเข้าชิดริมถนนและให้นายสมเจตน์กับชายอีกสองคนลงจากรถเพื่อทำการตรวจปัสสาวะ ส่วนจำเลยนั่งรออยู่ในรถ ผลการตรวจปัสสาวะของนายสมเจตน์กับชายสองคนพบว่ามีผลบวก แต่เมื่อค้นตัวแล้วไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย ร้อยตำรวจโท จรัญจึงให้นายสมเจตน์ขับรถอ้อมกลับไปยังที่ทำการด่านตรวจเพื่อตรวจค้นรถ ผลการตรวจค้นไม่พบสิ่งของผิดกฎหมาย แต่สังเกตเห็นว่าจำเลยมีท่าทางกระสับกระส่ายเป็นพิรุธจึงขอตรวจค้นตัวจำเลย ผลการตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีน 26 เม็ด ซุกซ่อนอยู่ภายในเสื้อยกทรงของจำเลย ร้อยตำรวจโท จรัญสอบถามนายสมเจตน์แล้วรับว่าเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวเป็นของตนที่ฝากจำเลยไว้ตอนอยู่ในรถ และจำเลยให้การว่าเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวเป็นของนายสมเจตน์ที่ฝากตนไว้ เห็นว่า พยานโจทก์ดังกล่าวเบิกความยืนยันว่า จับจำเลยได้พร้อมเมทแอมเฟตามีนของกลางที่ซุกซ่อนไว้ในเสื้อยกทรงของจำเลยที่นายสมเจตน์ฝากเก็บไว้ขณะที่จำเลยกับพวกขับรถผ่านด่านตรวจที่เกิดเหตุ สอดคล้องกับคำให้การชั้นสอบสวนของนายสมเจตน์และจำเลยที่ว่า เมื่อนายสมเจตน์ขับรถไปใกล้จะถึงด่านตรวจที่เกิดเหตุ นายสมเจตน์ยื่นห่อกระดาษชำระพันถุงพลาสติกที่บรรจุเมทแอมเฟตามีนของกลางส่งให้จำเลยนำไปเก็บซ่อนไว้ที่ตัว จำเลยรับมาแล้วนำไปเก็บไว้ในเสื้อยกทรงของจำเลยมีน้ำหนักให้รับฟัง จำเลยเบิกความรับว่า เมทแอมเฟตามีนของกลางที่ค้นพบในเสื้อยกทรงของจำเลยเป็นของนายสมเจตน์สามีที่ฝากไว้ขณะถึงด่านตรวจที่เกิดเหตุ แต่อ้างว่าขณะที่นายสมเจตน์ฝากไว้ไม่ได้บอกว่าเป็นของอะไร และจำเลยไม่ทราบว่าเป็นเมทแอมเฟตามีน เห็นว่า จำเลยเป็นภริยานายสมเจตน์และได้ความว่าก่อนเกิดเหตุ 1 วัน จำเลย นายสมเจตน์ และเพื่อนนายสมเจตน์อีก 2 คน พักในโรงแรมที่พักในจังหวัดเชียงใหม่ นายสมเจตน์กับพวกได้เสพเมทแอมเฟตามีน หลังจากนั้นรุ่งเช้าได้ร่วมเดินทางมาด้วยกันจนถึงด่านตรวจที่เกิดเหตุแม้ไม่ได้ความว่าจำเลยได้ร่วมเสพเมทแอมเฟตามีนด้วย แต่จำเลยเป็นภริยานายสมเจตน์และพักร่วมห้องเดียวกับนายสมเจตน์ และร่วมเดินทางมาด้วยกัน สภาพของนายสมเจตน์และพวกอีก 2 คน ที่เจ้าพนักงานตำรวจพบมีท่าทางคล้ายคนเพิ่งเสพยาเสพติดให้โทษมา การที่นายสมเจตน์นำเมทแอมเฟตามีนของกลางฝากจำเลยไว้และจำเลยเก็บเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในเสื้อยกทรงของจำเลยเพราะไม่ต้องการให้เจ้าพนักงานตำรวจที่ประจำอยู่ที่ด่านตรวจที่เกิดเหตุตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนของกลางดังกล่าว จำเลยย่อมทราบได้โดยสามัญสำนึกว่าสิ่งของที่รับฝากไว้ดังกล่าวเป็นยาเสพติดที่เป็นสิ่งของผิดกฎหมาย มิฉะนั้นนายสมเจตน์ก็คงไม่จำต้องให้จำเลยนำไปเก็บซ่อนไว้ภายในเสื้อยกทรงเพื่อมิให้เจ้าพนักงานตำรวจตรวจค้นพบเช่นนั้น ที่จำเลยฎีกาว่า หากจำเลยรู้ว่าสิ่งของที่นายสมเจตน์ฝากไว้เป็นเมทแอมเฟตามีนจำเลยซึ่งมีโอกาสที่จะโยนสิ่งของดังกล่าวทิ้งไปเพื่อเป็นการทำลายหลักฐานไม่ให้เหลือติดตัวจำเลย ให้ต้องถูกจับกุมในภายหลังนั้น เห็นว่า การที่จำเลยมีโอกาสขว้างเมทแอมเฟตามีนของกลางทิ้งแต่ไม่ทิ้งมิได้หมายความว่าจำเลยไม่รู้ว่าเป็นเมทแอมเฟตามีน แต่อาจเป็นเพราะจำเลยเป็นผู้หญิงการเก็บซ่อนเมทแอมเฟตามีนไว้ในเสื้อยกทรงของจำเลย ซึ่งเป็นที่ปกปิดมิดชิดยากแก่การตรวจค้น และคิดว่าเจ้าพนักงานตำรวจจะไม่ตรวจค้นตัวผู้หญิงก็เป็นได้ พยานหลักฐานของจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานของโจทก์ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยรับฝากเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้จากนายสมเจตน์โดยรู้ว่าเป็นเมทแอมเฟตามีนเพื่อช่วยเหลือนายสมเจตน์ให้นำเมทแอมเฟตามีนของกลางรอดพ้นจากการตรวจค้นของเจ้าพนักงานตำรวจประจำด่านตรวจที่เกิดเหตุโดยไม่ถูกจับกุม เป็นการช่วยเหลือเพื่อให้ความสะดวกแก่นายสมเจตน์ในการมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย จำเลยจึงมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนนายสมเจตน์ให้กระทำผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยในความผิดดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน