แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า รับฎีกาข้อ 1 ข้อ2.1,2.2 และ 2.3 นอกนั้นไม่รับเพราะเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
จำเลยเห็นว่า ฎีกาข้อ 4 เป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่าศาลอุทธรณ์ลงโทษจำเลยโดยฟังจากคำเบิกความของจำเลยแล้ววินิจฉัยว่าจำเลยมีเจตนาทุจริต เป็นข้อวินิจฉัยที่มิชอบด้วยกฎหมาย โปรดสั่งให้รับฎีกาข้อ 4 ของจำเลยด้วย
หมายเหตุ โจทก์และโจทก์ร่วมต่างได้รับสำเนาคำร้องแล้ว(อันดับ 115,117 แผ่นที่ 2)
ระหว่างพิจารณา ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานยักยอกทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 354ประกอบด้วยมาตรา 86 จำเลยกระทำความผิดรวม 4 กรรม เรียงกระทงลงโทษ จำคุกกระทงละ 2 ปี รวมจำคุก 8 ปี ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 112)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 115)
คำสั่ง
ฎีกาของจำเลยข้อ 2.4 เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาข้อนี้ชอบแล้ว ยกคำร้อง