คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 639/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยร่วมว่าจ้างจำเลยให้ก่อสร้างต่อเติมและปรับปรุงอาคารสัญญาจ้างข้อ 14 ระบุว่า ‘ผู้รับจ้างจะต้องจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างของตนตามอัตราค่าจ้างและกำหนดเวลา …… ถ้าผู้รับจ้างไม่จ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้าง …… ผู้รับจ้าง ยอมให้ผู้ว่าจ้างเอาเงินค่าจ้าง ที่ผู้ว่าจ้างจะต้องจ่ายให้แก่ผู้รับจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างของผู้รับจ้างได้ และให้ถือว่าเงินจำนวนที่จ่ายไปนี้เป็นเงินค่าจ้างที่ผู้รับจ้างได้รับไปจากผู้ว่าจ้างแล้ว …….’ สัญญาข้อนี้เป็นเพียงการกำหนดให้สิทธิแก่จำเลยร่วมที่จะเอาเงินค่าจ้างที่จำเลยร่วมจะต้องจ่ายแก่จำเลย จ่ายให้แก่โจทก์ผู้เป็นลูกจ้างของจำเลยได้หากว่าจำเลยไม่จ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์ เพื่อให้งานก่อสร้างของจำเลยร่วมสำเร็จลุล่วงไปโดยเรียบร้อยมิใช่เป็นหน้าที่ของจำเลยร่วมที่จะต้องปฏิบัติตามสัญญาข้อนี้ จำเลยร่วมไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ โจทก์จะอาศัยข้อสัญญาดังกล่าวบังคับให้จำเลยร่วมชำระค่าจ้างแก่โจทก์หาได้ไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์ทั้งสามสิบสี่เข้าทำงานก่อสร้างและซ่อมแซมอาคารที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขสามเสนใน โดยจำเลยเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างจากการสื่อสารแห่งประเทศไทย จำเลยไม่จ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์ ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าจ้างจำนวนตามบัญชีท้ายฟ้องให้แก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยได้ส่งมอบงานให้การสื่อสาร ฯ แล้วการสื่อสาร ฯ ไม่ยอมจ่ายค่าจ้างงวดที่ ๗, ๘ จำนวน ๑,๑๑๕,๘๕๘ บาท ให้แก่จำเลย โจทก์จึงไม่ได้รับค่าจ้างจากจำเลย ตามสัญญาจ้างระหว่างการสื่อสาร ฯ กับจำเลยข้อ ๑๔ ให้อำนาจโจทก์ที่จะเรียกเอาค่าจ้างจากการสื่อสารโดยตรงจำเลยไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
โจทก์ยื่นคำร้องขอให้เรียกการสื่อสาร ฯ เข้ามาเป็นจำเลยร่วม ศาลแรงงานกลางสั่งอนุญาต
จำเลยร่วมให้การว่า โจทก์กับจำเลยร่วมไม่มีนิติสัมพันธ์ต่อกัน จำเลยร่วมจะจ่ายค่าจ้างให้โจทก์หรือไม่อยู่ในดุลพินิจของจำเลยร่วมและจำเลยได้โอนสิทธิเรียกร้องการรับเงินค่าจ้างทั้งหมดตามสัญญาให้แก่ธนาคารกรุงเทพ ฯ จำกัด แล้ว โจทก์ไม่มีสิทธิเรียกร้องเงินค่าจ้างจากจำเลยร่วมขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษา ให้จำเลยและจำเลยร่วมชำระเงินให้โจทก์ทั้งสามสิบสี่ตามฟ้อง
จำเลยร่วมอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า จำเลยร่วมกับจำเลยได้ทำสัญญาจ้างงานก่อสร้างต่อเติมและปรับปรุงอาคารที่ทำการไปรษณีย์โทรเลขสามเสนใน ซึ่งข้อ ๑๔ ระบุว่า ‘ผู้รับจ้างจะต้องจ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างของตนตามอัตราค่าจ้างและกำหนดเวลาที่ผู้รับจ้างและลูกจ้างได้ตกลงหรือสัญญากันไว้
ถ้าผู้รับจ้างไม่จ่ายเงินค่าจ้างให้แก่ลูกจ้างตามวรรคหนึ่งผู้รับจ้างยอมให้ผู้ว่าจ้างเอาเงินค่าจ้างที่ผู้ว่าจ้างจะต้องจ่ายให้แก่ผู้รับจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างของผู้รับจ้างได้ และให้ถือว่าเงินจำนวนที่จ่ายไปนี้เป็นเงินค่าจ้างที่ผู้รับจ้างได้รับไปจากผู้ว่าจ้างแล้ว ฯลฯ’ ศาลฎีกาเห็นว่าจำเลยร่วมไม่มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์ จำเลยร่วมจึงไม่ใช่นายจ้างของโจทก์ตามสัญญาจ้างแรงงาน เพราะฉะนั้นจำเลยร่วมจึงไม่ต้องรับผิดจ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์ ส่วนสัญญาจ้างงานก่อสร้าง ฯ ข้อ ๑๔ นั้น เห็นว่าเป็นการกำหนดขึ้นเพื่อให้งานก่อสร้างของจำเลยสำเร็จลุล่วงไปได้โดยเรียบร้อย ใช้บังคับกันระหว่างคู่สัญญาทั้งสอง เป็นเพียงการกำหนดให้สิทธิแก่จำเลยร่วมที่จะเอาเงินค่าจ้างที่จำเลยร่วมจะต้องจ่ายให้แก่จำเลย จ่ายให้แก่โจทก์ผู้เป็นลูกจ้างของจำเลยได้หากว่าจำเลยไม่จ่ายค่าจ้างให้แก่โจทก์ โดยจำเลยยินยอมให้ถือว่าเงินจำนวนที่จ่ายไปนั้น เป็นเงินค่าจ้างที่จำเลยได้รับไปจากจำเลยร่วมเท่านั้น มิใช่เป็นหน้าที่ของจำเลยร่วมที่จะต้องปฏิบัติตามข้อสัญญาดังกล่าว โจทก์จะอาศัยข้อสัญญาดังกล่าวบังคับให้จำเลยร่วมชำระค่าจ้างแก่โจทก์ด้วยหาได้ไม่
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยร่วม นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง.

Share