แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาจำเลยเป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218จึงไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า ฎีกาจำเลยเป็นปัญหาข้อกฎหมายว่า คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากศาลอุทธรณ์ไม่ได้วินิจฉัยจากคำฟ้องอุทธรณ์ของจำเลยซึ่งอ้างอิงพยานบุคคลและพยานเอกสารอันเป็นข้อสำคัญที่ทำให้เห็นว่า พยานโจทก์ไม่น่าเชื่อถือและนำมาฟังลงโทษจำเลยไม่ได้ โปรดสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 86)
ระหว่างพิจารณา ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม
ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 278 ฯลฯ ให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 2 ปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 85)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 86)
คำสั่ง
จำเลยฎีกาว่า โจทก์ร่วมเบิกความเพิ่มเติมจากคำให้การชั้นสอบสวนและคำร้องทุกข์ของโจทก์ร่วมเอง ส่วนพยานโจทก์คนอื่น ๆ ก็เบิกความต่อเติมเสริมแต่งแตกต่างขัดแย้งกันเองและขัดต่อพยานเอกสาร ไม่ควรรับฟัง ซึ่งศาลอุทธรณ์มิได้วินิจฉัยให้ ฎีกาของจำเลยดังกล่าวเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการรับฟังพยานซึ่งเป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ศาลชั้นต้นไม่รับฎีกาชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง