แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า คดีนี้จำเลยกับพวกอีกหลายคนซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้องได้ใช้อาวุธปืนที่ใช้ในราชการสงครามดักยิงโจทก์ร่วมกับพวกในเวลากลางวันโดยใช้รถยนต์เป็นยานพาหนะทำให้โจทก์ร่วมได้รับบาดเจ็บสาหัส และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่คุ้มกันโจทก์ร่วมบาดเจ็บสาหัสทั้งสองคนจำเลยกับพวกกระทำโดยไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายและเจ้าหน้าที่บ้านเมืองเลย ทั้งที่สถานที่เกิดเหตุก็อยู่ห่างจากด่านตำรวจทางหลวงไม่เกิน1 กิโลเมตร เป็นการกระทำที่สะเทือนขวัญและความรู้สึกของประชาชนเป็นอย่างมากสำหรับผู้ร่วมกระทำผิดซึ่งยังหลบซ่อนตัวอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับตำบลที่เกิดเหตุเป็นผู้มีอิทธิพลสูง บรรดาผู้เห็นเหตุการณ์แม้กระทั่งคนขับรถของโจทก์ร่วมซึ่งอยู่ด้วยในที่เกิดเหตุยังไม่กล้าให้การถึงจำเลยโดยเฉพาะคนขับรถของโจทก์ร่วมนั้นทราบและรู้จักคนร้ายดีว่าเป็นใครได้ให้การต่อพนักงานสอบสวนขณะที่กำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลว่าจำคนร้ายได้ แต่เมื่อให้การเพิ่มเติมต่อพนักงานอัยการได้กลับคำให้การและไม่ยอมชี้ตัวผู้ต้องหาเพราะเกรงกลัวอิทธิพล นอกจากนี้จำเลยกับพวกยังได้พยายามขัดขวางมิให้พยานที่รู้เห็นเหตุการณ์มาเบิกความต่อศาลขณะนี้โจทก์ร่วมสืบทราบว่าพวกของจำเลยมีแผนการที่จะประทุษร้ายต่อชีวิตโจทก์ร่วมและบุตรของโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมจึงต้องหลบมาอาศัยอยู่ที่กรุงเทพฯ หากพิจารณาคดีนี้ที่ศาลจังหวัดฉะเชิงเทราอาจมีการขัดขวางต่อการพิจารณา น่ากลัวว่าจะเกิดความไม่สงบหรือเหตุร้ายต่อพยานและโจทก์ร่วมได้ เพราะขณะนี้แม้แต่ที่บ้านของโจทก์ร่วมเองทางกองกำกับการตำรวจภูธร 2 ก็ยังต้องส่งกำลังคุ้มกันบรรดาญาติและบุตรของโจทก์ร่วมไม่ต่ำกว่า 20 คน ซึ่งทางครอบครัวของโจทก์ร่วมต้องอยู่ในฐานะที่ลำบากอย่างยิ่ง โปรดอนุญาตให้โอนคดีนี้ไปพิจารณาที่ศาลอาญาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์แถลงไม่คัดค้าน (อันดับ 46)
จำเลยแถลงคัดค้าน (อันดับ 47)
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา32,80,83,91,288,289,371 ฯลฯ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 7,8 ทวิ,55,72,72 ทวิ,78 ฯลฯ
ระหว่างพิจารณา นางเอนคูจิตตะเกษม ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
คดีอยู่ระหว่างนัดสืบพยานโจทก์ก่อนวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ร่วมยื่นคำร้องดังกล่าว(อันดับ 44)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว กรณียังไม่พอฟังว่าอาจมีการขัดขวางต่อการพิจารณา หรือน่ากลัวว่าจะเกิดความไม่สงบหรือเหตุร้ายอย่างอื่นขึ้นจึงไม่อนุญาตให้โอนคดี
