คำสั่งคำร้องที่ 203/2532

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา เชื่อมั่นว่าศาลฎีกาจะพิพากษากลับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยชนะคดี โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์แถลงคัดค้าน (อันดับ 186)
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาบังคับให้จำเลยทั้งสองรื้อฐานกำแพงกว้างประมาณ 30 เซนติเมตร สูงประมาณ 13 เซนติเมตร ยาวประมาณ9.98 เมตร ออกไปจากทางระบายน้ำภารจำยอม และให้จำเลยทั้งสองไปจดทะเบียนภารจำยอมในทางระบายน้ำทั้งหมดแก่โจทก์ ห้ามมิให้จำเลยทั้งสองกับบริวารเกี่ยวข้อง และให้ร่วมกันใช้ค่าเสียหาย 20,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้องโจทก์ และฟ้องแย้งให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยทั้งสอง 10,000 บาท กับให้รื้อชายคาปีกนกและร่องระบายน้ำที่รุกล้ำเข้ามาในที่ดินของจำเลยออกไป ห้ามโจทก์กับบริวารเกี่ยวข้องกับที่ดินจำเลย
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้โจทก์ได้ภารจำยอมในที่ดินของจำเลยทั้งสองด้านที่ติดกับที่ดินของโจทก์เริ่มจากจุดที่ 20 เมตร โดยวัดจากทิศเหนือจากหลักโฉนดที่ดินเลขที่ 03748 ลงมาทางทิศใต้ไปจนถึงหลักโฉนดที่ดินเลขที่ 03426 ตามแผนที่พิพาทหมาย ล.14และล้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลยโฉนดเลขที่ 221 ตำบลน้ำเชี่ยวอำเภอแหลมงอบ จังหวัดตราด 25 เซนติเมตร ให้จำเลยทั้งสองรื้อถอนสิ่งก่อสร้างบนที่ดินดังกล่าวแล้วไปจดทะเบียนภารจำยอมให้แก่โจทก์ภายใน 30 วัน นับแต่วันทราบคำพิพากษา ห้ามจำเลยและบริวารรบกวนการใช้ที่ดินภารจำยอมของโจทก์ ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ 2,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ ฯลฯ คำขออื่นของโจทก์นอกจากนี้ให้ยกและให้ยกฟ้องแย้งของจำเลย
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว(อันดับ 181,182)
จำเลยทั้งสองได้รับอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์โดยจำเลยทั้งสองได้นำโฉนดที่ดิน 1 แปลง ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยที่ 2 มาวาง และศาลชั้นต้นสั่งรับไว้เป็นหลักประกัน(อันดับ 162,163)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้ทุเลาการบังคับในส่วนที่ให้จำเลยจดทะเบียนภารจำยอมในที่ดินโฉนดเลขที่ 221 แต่ห้ามทำนิติกรรมใด ๆเกี่ยวกับที่ดินพิพาทในระหว่างฎีกา ให้ศาลชั้นต้นแจ้งคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินทราบและให้ทุเลาการบังคับการรื้อถอนสิ่งก่อสร้างที่จำเลยทำไว้บนที่ดินดังกล่าวด้วย ส่วนค่าเสียหายนั้นถ้าจำเลยที่ 1ที่ 2 หรือคนใดคนหนึ่งหรือร่วมกันหาประกันสำหรับจำนวนเงินที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในเงินต้นดังกล่าวเป็นเวลา 8 ปี มาให้จนเป็นที่พอใจ และภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกา มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง

Share