คำสั่งคำร้องที่ 2582/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของจำเลยเป็นฎีกาโต้แย้งการรับฟังพยานเป็นฎีกาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก ไม่รับฎีกาของจำเลย
จำเลยเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการกระทำโดยป้องกัน อันชอบด้วยกฎหมายมิใช่บันดาลโทสะ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 70)
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบด้วยมาตรา 72 ให้จำคุก 2 ปี คำให้การของจำเลยในชั้นสอบสวนและคำเบิกความในชั้นศาล เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 4 ปี ริบมีดของกลาง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้วางโทษจำคุก 3 ปี คำรับสารภาพชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ให้หนึ่งในสามคงจำคุก 2 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษา ของศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 69)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 70)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาโดยหยิบยกคำพยานบุคคลขึ้นมา โต้เถียงเพื่อให้ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริง การกระทำของจำเลย เป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายนั้น เป็นการโต้เถียงดุลพินิจ ในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ภาค 1เพื่อนำไปสู่ ปัญหาข้อกฎหมายว่า การกระทำของจำเลยเป็นป้องกันโดยชอบ ด้วยกฎหมาย มิใช่บันดาลโทสะ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 218 วรรคหนึ่ง ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยนั้นชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share