แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาจำเลยเป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง ทุนทรัพย์ไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248ไม่รับฎีกาจำเลย
จำเลยเห็นว่า จำเลยได้ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า โจทก์ไม่มีหนังสือสัญญากู้ยืมเงิน เช็คพิพาทไม่ใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653โจทก์จึงฟ้องร้องบังคับคดีหาได้ไม่ ข้อกฎหมายนี้เกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของ จำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 65)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ 145,000บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้อง(1 กรกฎาคม 2535) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 60)
จำเลยจึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 62)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ที่จำเลยฎีกาว่าเช็คไม่ใช่หลักฐาน การ กู้ยืมเมื่อโจทก์ไม่มีหลักฐานการกู้ยืมเป็นหนังสือ จึงไม่มี อำนาจฟ้องนั้น เห็นว่าโจทก์ได้ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค ซึ่งมิต้อง อาศัยหลักฐานการกู้ยืมในการฟ้องร้องฎีกาของจำเลยจึงไม่เป็น สาระแก่คดีอันควรได้รับการวินิจฉัยตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249 วรรคแรก ศาลชั้นต้น สั่งไม่รับฎีกาของจำเลยชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ