คำสั่งคำร้องที่ 1107/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า ฎีกาของโจทก์ข้อ 2เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 จึงไม่รับฎีกาโจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมาย ตามปัญหาข้อ 2 ก.เป็นปัญหาว่า เหตุพยายามบรรเทาผลร้ายที่จะเป็นเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กับเหตุแห่งสุขภาพที่จะเป็นเหตุอันควรปรานีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ต้องถึงขนาดหรือมีลักษณะอย่างไร และข้อ 2 ข. เป็นปัญหาว่า การที่จำเลยอ้างเหตุบรรเทาโทษกับเหตุอันควรปรานี โจทก์ต้องคัดค้านหรือไม่ โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏหลักฐานว่าจำเลยได้รับสำเนาคำร้องแล้วหรือไม่
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 175,177 วรรคสอง วางโทษตามมาตรา 175 จำคุก 2 ปี ปรับ4,000 บาท ตามมาตรา 177 วรรคสอง จำคุก 3 ปี ปรับ 6,000 บาทจำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงลงโทษกระทงแรก จำคุก1 ปี ปรับ 2,000 บาท กระทงหลังจำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับ 3,000 บาทรวม 2 กระทงเป็นจำคุก 2 ปี 6 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอไว้2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ฯลฯ
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 61)
โจทก์จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 23)

คำสั่ง
คำฟ้องฎีกาของโจทก์มีใจความว่า สมควรลงโทษจำเลยตามที่ศาลชั้นต้นพิพากษาโดยไม่ลดโทษจำเลยและไม่รอการลงโทษ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจของศาลว่าสมควรเพียงไร จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาโจทก์จึงชอบแล้วยกคำร้อง

Share