คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2562/2519

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คำฟ้องข้อ 1 ข. ได้บรรยายถึงการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิงเจ้าทรัพย์และคนอื่น ๆ ซึ่งมิใช่เจ้าทรัพย์ตายเพื่อสะดวกในการปล้นและเพื่อปกปิดการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289,340,340 ตรี เช่นนี้เป็นฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยกรรมเดียว แต่ผิดกฎหมายหลายบทเท่านั้น แม้ทางพิจารณาหากจะได้ความว่าจำเลยทำผิดหลายกรรม ศาลจะลงโทษ จำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปไม่ได้ เพราะเกินคำฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกับพวกกระทำผิดคือ ก.มีอาวุธปืนซึ่งใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม 1 กระบอก อาวุธปืนอื่น ๆ อีก 2 กระบอก โดยผิดกฎหมาย และ ข. จำเลยใช้อาวุธปืนดังกล่าวไปปล้นทรัพย์ของนายปราโมทย์หรือหลิน ลีธนะกุลรวมราคา 9,100 บาท ของนางปัน ตันตระการสกุล4,600 บาท ของนางเจ๊ะนะ ดอละ 180 บาท ของนางรอฉะ เยรานี 80 บาท และของนายวิจิตร แหวนเพชร ราคา 1,520 บาท โดยใช้ปืนยิงนายปราโมทย์ นางปัน นายอาหมาด นายมะหะหมาดมัสมาน นายอับดุลหมาดยิด โดยเจตนาเพื่อสะดวกในการปล้นทรัพย์และปกปิดการกระทำผิดบุคคลที่ถูกยิงนอกจากนายอับดุลหมาดยิดถึงแก่ความตาย ส่วนนายอับดุลหมาดยิดเพียงแต่ได้รับอันตรายแก่กายเพราะกระสุนปืนไม่ถูกอวัยวะสำคัญ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 55, 72, 78 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 289, 340, 340 ตรี, 80, 83, 91

จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 55, 78 ให้จำคุก 6 ปี ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(7), 340 วรรคท้าย และ 340 ตรี ลงโทษตามมาตรา 340 วรรคท้ายซึ่งเป็นบทหนัก ให้ประหารชีวิต ผิดตามมาตรา 289(7), 80, 52(1) จำคุกตลอดชีวิต รวมสามกระทงเป็นประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิตและจำคุก 6 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72 ให้จำคุก 1 ปี ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคท้าย, 340 ตรี, 289(7), 83 ลงโทษตามมาตรา 340 วรรคท้าย ซึ่งเป็นบทหนัก ให้ประหารชีวิต ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289 (7), 80, 83, 52(1) ให้จำคุกตลอดชีวิต รวมสามกระทงเป็นประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิตและจำคุก 1 ปีจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพลดโทษตามมาตรา 78 ให้จำเลยที่ 1 หนึ่งในสามคงจำคุกตลอดชีวิตและจำคุก 37 ปี 4 เดือน โทษจำคุกตลอดชีวิตนับต่อจากโทษจำคุก 37 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 2 ลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุก 75 ปี อาวุธปืนปลอกกระสุนปืนของกลางริบ ของกลางอย่างอื่นไม่ปรากฏ ยกคำขอที่ให้สั่งคืนเจ้าของให้จำเลยร่วมกันคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืนแก่เจ้าทรัพย์ด้วย

โจทก์จำเลยไม่อุทธรณ์ ศาลชั้นต้นส่งสำนวนให้ศาลอุทธรณ์เพื่อพิจารณาพิพากษาเฉพาะจำเลยที่ 1

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคท้าย 340 ตรี, 289(7) โทษตามมาตรา 340 วรรคท้ายและมาตรา 289(7) หนักเท่ากัน ลงโทษตามมาตรา 340 วรรคท้ายให้ประหารชีวิต รวมสองกระทงเป็นจำคุก 6 ปี และประหารชีวิต จำเลยรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งในสาม เหลือจำคุก 54 ปี จำเลยที่ 2 ผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคท้าย, 340 ตรี,289(7), 83 โทษตามมาตรา 340 วรรคท้ายและมาตรา 289(7) หนักเท่ากัน ลงโทษตามมาตรา 340 วรรคท้าย ให้ประหารชีวิต รวมสองกระทงเป็นจำคุก1 ปี และประหารชีวิต จำเลยรับสารภาพลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือจำคุก 40 ปี 6 เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกาว่า นอกจากความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืนแล้วการกระทำของจำเลยเป็นความผิดสองกรรมอีกต่างหากตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามฟ้องข้อ 1 ก. เป็นฟ้องขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนโดยเฉพาะ ส่วนคำฟ้องข้อ 1 ข. ได้บรรยายถึงการกระทำผิดฐานปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิงเจ้าทรัพย์และคนอื่น ๆ ซึ่งมิใช่เจ้าทรัพย์ตายเพื่อสะดวกในการปล้นและเพื่อปกปิดการกระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, 340,340 ตรี ศาลฎีกาเห็นว่าคำฟ้องข้อ 1 ข. เช่นนี้เป็นฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบทเท่านั้น แม้ทางพิจารณาหากจะได้ความว่าจำเลยทำผิดหลายกรรมดังฎีกาของโจทก์ ศาลจะลงโทษจำเลยทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไปไม่ได้เพราะเกินคำฟ้อง ฎีกาของโจทก์จึงไม่มีทางที่จะให้ศาลลงโทษจำเลยได้ตามขอ

พิพากษายืน

Share