แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ประกาศห้ามมิให้คู่ความเก็บเอาคดีที่ศาลโปริสภาตัดวสินแล้วมาฟ้องก่อนได้อนุญาตศาลสูง การฟ้องคดีอาชญานั้น ต้องฟ้องยังศาลโปริสภาให้ไต่สวนเสียก่อน จะตรงมาฟ้องยังศาลพระราชอาชญาที่เดียวไม่ได้
ย่อยาว
เดิมกรรมการตำรวจนครบาลฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายอย่างเดียวต่อศาลโปริสภา ๆ ไต่สวนแล้วสั่งให้ โจทก์ฟ้องจำเลยยังศาลสูง ครั้น โจทก์มาฟ้องจำเลยยังศาลพระราชอาชญา กลับมีข้อหาเิ่มเติมฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ด้วยอีกสถานหนึ่งดังนี้ ปัญหามีว่าคดีที่ศาลโปริสภายังไม่ได้ไต่สวน คงรับฟ้องแต่ฉะเพาะข้อหาเรื่องทำร้างร่างกายอย่างเดียว
โจทก์ฎีกาข้อกฎหมายว่าคดีชะนิดนี้ โจทก์มีอำนาจฟ้องได้
ศาลฎีกาเห็นว่าตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม ม.๑๔ พ.ร.บ. ตั้งศาลโปริสภา ม.๘ พ.ร.บ.ว่าด้วยหน้าที่ราชการซึ่งเกี่ยวข้องกันอยู่ในระวางกระทรวงนครบาลและยุตติธรรม ม.๓ แลวิธีการที่ได้ปฏิบัติมาแสดงให้ เห็นว่าศาลโปริสภาต้องไต่สวนก่อน ยังมีประกาศห้ามมิให้คู่ความเก๊บเอาคดีที่ศาลโปริสภาตัดสินแล้วมาฟ้องก่อนได้รับอนุญาตจากศาลสงอีกฉะบับ ๑ ซึ่งสนับสนุนให้เห็นว่าศาลโปริสภามีหน้าที่ไต่สวนก่อน ส่วนข้อที่ โจทก์ว่าอัยยการมีอำนาจฟ้องได้ตามพระธรรมนูญ ม.๓๕ นั้นเห็ฯว่าตามกฎหมายนี้เป็นแต่ให้อัยยการมีอำนาจฟ้องความ แต่อัยยการต้องดำเนินตามวิธีพิจารณาแลกฎหมายแลเมื่อ โจทก์ยังมิได้ฟ้องให้ศาลโปริสภาไต่สวนก่อนแล้ว ศาลพระราชอาชญาก๊มีอำนาจไม่รับข้อหาฐานชิงทรัพย์ไว้พิจารณา จึงตัดสินยืนตามศาลล่าง