คำสั่งคำร้องที่ 934/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 และที่ 9 ถึงที่ 14 ฎีกาศาลชั้นต้นสั่งว่า เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 ไม่รับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 และที่ 9 ถึงที่ 14 เห็นว่า จำเลยได้ฎีกาว่า ฟ้องโจทก์ไม่ครบองค์ประกอบความผิดเนื่องจากการกระทำของจำเลยขาดเจตนาบุกรุกที่พิพาท อีกทั้งที่พิพาทก็มิใช่ที่สาธารณประโยชน์ตามที่โจทก์ฟ้องแต่ประการใด และนอกจากนี้การรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ก็ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ฎีกาของจำเลยจึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายทั้งสิ้น โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของจำเลยไว้พิจารณาพิพากษาต่อไป
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (อันดับ 159)คดีทั้ง 11 สำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน โดยเรียกจำเลยสำนวนที่ 1 ถึงที่ 5 ว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 5 ตามลำดับเรียกจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ในสำนวนที่ 6 ว่า จำเลยที่ 6 ถึงที่ 9ตามลำดับ และเรียกจำเลยสำนวนที่ 7 ถึงที่ 11 ว่า จำเลยที่ 10ถึงที่ 14 ตามลำดับ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้ง 14 มีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 9,108 ทวิ ลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2ที่ 6 ที่ 7 ที่ 8 ที่ 9 คนละ 1 ปี และปรับคนละ 10,000 บาทจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 คนละ 8 เดือน และปรับคนละ 8,000 บาทจำคุกจำเลยที่ 5 ที่ 10 ที่ 11 ที่ 13 คนละ 8 เดือน และปรับคนละ6,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 12 ที่ 14 คนละ 6 เดือน และปรับคนละ4,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษมีกำหนดระยะเวลาไว้ 2 ปีให้จำเลยทั้ง 14 และบริวารออกจากที่ดินที่เข้าไปยึดถือครอบครองดังกล่าว
ระหว่างอุทธรณ์ จำเลยที่ 8 ถึงแก่กรรม ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้จำหน่ายคดีสำหรับจำเลยที่ 8
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4ที่ 5 ที่ 10 ที่ 11 ที่ 12 ที่ 13 และที่ 14 มีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 ทวิ วรรคสอง จำเลยที่ 2 ที่ 6ที่ 7 และที่ 9 มีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา 108 ทวิวรรคสาม นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นจำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 และที่ 9 ถึงที่ 14 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว (อันดับ 155)
จำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 และที่ 9 ถึงที่ 14 จึงยื่นคำร้องนี้(อันดับ 159)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้น พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยที่ 2ที่ 6 ที่ 7 ที่ 8 ที่ 9 คนละ 1 ปี และปรับคนละ 10,000 บาทจำคุกจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4 คนละ 8 เดือน และปรับคนละ 8,000 บาทจำคุกจำเลยที่ 5 ที่ 10 ที่ 11 ที่ 13 คนละ 8 เดือน และปรับคนละ6,000 บาท จำคุกจำเลยที่ 12 ที่ 14 คนละ 6 เดือน และปรับคนละ4,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เฉพาะกำหนดระบุวรรคของบทลงโทษจำเลย แต่โทษจำเลยให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 และที่ 9 ถึงที่ 14 ฎีกาว่า การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามฟ้อง เพราะจำเลยไม่มีเจตนาบุกรุกที่ตามฟ้องและที่ตามฟ้องมิได้เป็นที่สาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน จึงเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์จึงเป็นฎีกาข้อเท็จจริงต้องห้ามมิให้ฎีกาและที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 และที่ 9 ถึงที่ 14 ฎีกาว่าการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็ไม่ปรากฏว่าศาลอุทธรณ์รับฟังพยานหลักฐานไม่ชอบประการใด ที่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาจำเลยที่ 1 ถึงที่ 7 และที่ 9 ถึงที่ 14 ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share