คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4208/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

เหรียญกษาปณ์ที่ตกลงไปในช่องคืนเหรียญเนื่องจากไม่สามารถโทรศัพท์ติดต่อไปยังสายปลายทางได้นั้น ยังเป็นของผู้ใช้โทรศัพท์สาธารณะอยู่การที่นาย พ. นำก้อนกระดาษไปอุดไว้ในช่องคืนเหรียญในตำแหน่งที่อยู่เหนือฝาปิดขึ้นไปเป็นเพียงการขัดขวางไม่ให้เหรียญกษาปณ์ตกกลับลงไปถึงมือผู้ใช้โทรศัพท์สาธารณะที่รออยู่ โดยเหรียญกษาปณ์ดังกล่าวยังคงติดค้างอยู่ในเครื่องโทรศัพท์สาธารณะในลักษณะที่ง่ายแก่การมาล้วงเอาไปในภายหลัง ฉะนั้น ขณะที่เหรียญกษาปณ์ตกลงไปค้างอยู่บนก้อนกระดาษในช่องคืนเหรียญ ความผิดฐานลักทรัพย์ยังไม่สำเร็จเพราะนาย พ. ยังไม่ได้เอาเหรียญกษาปณ์นั้นไป ความครอบครองยังคงอยู่กับเจ้าของเหรียญกษาปณ์ที่รอรับเหรียญกษาปณ์นั้นอยู่ และการที่เจ้าของเหรียญกษาปณ์ออกจากตู้โทรศัพท์สาธารณะไม่ได้หมายความว่ามีเจตนาสละทิ้งเหรียญกษาปณ์ที่ติดค้างเพราะการสละกรรมสิทธิ์จะต้องกระทำด้วยความสมัครใจมิใช่อยู่ในลักษณะที่ถูกขัดขวางการได้ทรัพย์คืน
จำเลยร่วมมือกับนาย พ. เข้าไปนำเหรียญกษาปณ์ที่ติดค้างอยู่ โดยจำเลยทำทีเป็นผู้ใช้โทรศัพท์พูดจาเพื่อกลบเกลื่อนไม่ให้ผู้อื่นสงสัย ระหว่างนั้นให้นาย พ. เขี่ยกระดาษที่อุดไว้จนเหรียญกษาปณ์ตกลงไปสู่มือของจำเลยและนาย พ. ที่รอรับอยู่เป็นการร่วมมือกันเอาทรัพย์ไปจากความครอบครองของเจ้าของทรัพย์ที่ยังมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์นั้นอยู่ จึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ของผู้อื่นโดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า จำเลยกับนายพิเชษฐ์ ช่วยชูใจ จำเลยที่ 1 ในคดีหมายเลขแดงที่ 6479/2541 ของศาลชั้นต้น ร่วมกันใช้กระดาษม้วนเป็นก้อนอุดช่องคืนเหรียญที่เครื่องโทรศัพท์ของบริษัทเทเลคอมเอเซียคอร์ปอร์เรชั่น จำกัด เพื่อไม่ให้เหรียญกษาปณ์ที่ผู้มาใช้เครื่องโทรศัพท์ดังกล่าวหยอดลงไปในเครื่องโทรศัพท์แล้วไม่สามารถใช้เครื่องโทรศัพท์ดังกล่าวติดต่อสื่อสารได้ตกลงมาในช่องคืนเหรียญแล้วจำเลยกับพวก ร่วมกันใช้ลวดของไม้แขวนเสื้อเป็นเครื่องมือดัดแหย่เข้าไปในช่องคืนเหรียญของเครื่องโทรศัพท์ดังกล่าวเขี่ยลักเอาเงินประเภทเหรียญกษาปณ์จำนวน 269.50 บาท ของผู้มีชื่อ (ผู้เสียหาย) ที่มาใช้โทรศัพท์ดังกล่าว แต่ไม่สามารถติดต่อสื่อสารได้ไปโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7), 83

จำเลยให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7) วรรคแรก, 83 (ที่ถูกมาตรา 335(7) วรรคหนึ่ง ประกอบด้วยมาตรา 83) จำคุก 2 ปี จำเลยให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและสอบสวน เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 4 เดือน

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อแรกว่า พยานหลักฐานของโจทก์ที่นำสืบมาพอฟังลงโทษจำเลยหรือไม่ เห็นว่า โจทก์มีประจักษ์พยานคือสิบตำรวจโทเกรียงศักดิ์ที่พบเห็นการกระทำความผิดของจำเลยมาเบิกความยืนยันต่อศาล สิบตำรวจโทเกรียงศักดิ์เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติการไปตามอำนาจหน้าที่และไม่ปรากฏว่ามีสาเหตุโกรธเคืองกับจำเลยมาก่อน อันจะเป็นเหตุให้ระแวงสงสัยว่าจะแกล้งเบิกความปรักปรำจำเลย ซึ่งจำเลยก็ให้การรับสารภาพทั้งในชั้นจับกุมและสอบสวนว่า วันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยได้ร่วมกับนายพิเชษฐ์ลักเหรียญกษาปณ์จากตู้โทรศัพท์สาธารณะ โดยนายพิเชษฐ์ให้จำเลยเข้าไปในตู้โทรศัพท์สาธารณะทำทีเป็นโทรศัพท์และนายพิเชษฐ์เข้ามาในตู้โทรศัพท์ด้วยนายพิเชษฐ์ให้จำเลยช่วยเปิดง้างแผ่นเหล็กของช่องคืนเหรียญของตู้โทรศัพท์สาธารณะเพื่อให้นายพิเชษฐ์ใช้ลวดที่ดัดแปลงมาเขี่ยให้เหรียญกษาปณ์ในตู้โทรศัพท์สาธารณะไหลลงมา ตามบันทึกการจับกุมและบันทึกคำให้การของผู้ต้องหาสอดคล้องกับที่สิบตำรวจโทเกรียงศักดิ์เบิกความต่อศาล และจำเลยนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพให้เจ้าพนักงานตำรวจถ่ายรูปไว้ ตามบันทึกการนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพและภาพถ่าย ทั้งขณะนำชี้ที่เกิดเหตุเป็นเวลากลางวันมีผู้คนพลุกพล่านตามภาพถ่ายหากจำเลยมิได้กระทำความผิดจริงก็น่าจะโต้แย้งหรือขัดขืนมิให้เจ้าพนักงานตำรวจถ่ายรูปที่แสดงถึงพฤติการณ์การร่วมกันกระทำความผิด ซึ่งพยานหลักฐานที่จำเลยนำสืบมายังไม่สามารถหักล้างพยานโจทก์ให้เป็นอย่างอื่นได้ ดังนี้ พยานหลักฐานของโจทก์จึงมีน้ำหนักมั่นคงให้ฟังได้ว่า จำเลยร่วมมือกับนายพิเชษฐ์เข้าไปนำเหรียญกษาปณ์ที่ติดค้างอยู่ โดยจำเลยทำทีเป็นผู้ใช้โทรศัพท์พูดจาเพื่อกลบเกลื่อนไม่ให้ผู้อื่นสงสัย ระหว่างนั้นให้นายพิเชษฐ์เขี่ยกระดาษที่อุดไว้จนเหรียญกษาปณ์ตกลงไปสู่มือของจำเลยและนายพิเชษฐ์ที่รอรับอยู่ เห็นได้ว่า เป็นการร่วมมือกันเอาทรัพย์ไปจากความครอบครองของเจ้าของทรัพย์ที่ยังมีกรรมสิทธิ์ในทรัพย์นั้นอยู่จำเลยจึงมีความผิดฐานลักทรัพย์ของผู้อื่น โดยร่วมกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า โจทก์มิได้นำสืบว่าจำเลยร่วมเอากระดาษไปอุดช่องคืนเหรียญโทรศัพท์กับนายพิเชษฐ์และมิได้นำตัวพลเมืองดีผู้แจ้งเหตุ รวมทั้งผู้เสียหายและเจ้าพนักงานตำรวจผู้ร่วมจับกุมคนอื่น ๆ มาเบิกความนั้น เห็นว่า เมื่อพยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมาเพียงพอที่จะรับฟังลงโทษจำเลยได้แล้ว ไม่จำเป็นที่โจทก์จะต้องนำสืบไปจนถึงกับว่า มีการร่วมมือกันมาตั้งแต่แรกหรือนำสืบพยานบุคคลอื่น ๆ ตามที่จำเลยกล่าวอ้างมาในฎีกาให้ฟุ่มเฟือยเห็นอยู่ว่าเป็นเรื่องที่ไม่จำเป็น เช่นนี้ฎีกาจำเลยข้อแรกนี้ฟังไม่ขึ้น

มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยข้อที่สองว่า ความผิดฐานลักทรัพย์ในคดีนี้สำเร็จและขาดตอนไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อมีผู้มาใช้โทรศัพท์สาธารณะแล้วไม่สามารถติดต่อสื่อสารทำให้เหรียญกษาปณ์ตกลงไปในช่องคืนเหรียญและค้างอยู่บนก้อนกระดาษที่นายพิเชษฐ์นำไปอุดไว้ จำเลยเข้าช่วยเหลือนายพิเชษฐ์ ง้างเหล็กเปิดช่องคืนเหรียญให้นายพิเชษฐ์ใช้ลวดเขี่ยเอาเหรียญกษาปณ์เหล่านั้นไป หลังจากความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จขาดตอนแล้ว จึงไม่เป็นความผิดฐานลักทรัพย์อีกนั้น เห็นว่า เหรียญกษาปณ์ที่ตกลงไปในช่องคืนเหรียญ เนื่องจากไม่สามารถโทรศัพท์ติดต่อไปยังสายปลายทางได้นั้น ยังเป็นของผู้ใช้โทรศัพท์สาธารณะอยู่ โดยปกติแล้วจะต้องตกลงไปถึงช่องคืนเหรียญที่อยู่ต่ำลงไปข้างล่าง ให้ผู้ใช้โทรศัพท์สาธารณะแง้มเหล็กฝาปิดช่องดังกล่าวล้วงเอาเหรียญกษาปณ์กลับคืนไป การที่นายพิเชษฐ์นำก้อนกระดาษไปอุดไว้ในช่องคืนเหรียญในตำแหน่งที่อยู่เหนือฝาปิดขึ้นไปเป็นเพียงการขัดขวางไม่ให้เหรียญกษาปณ์ตกกลับลงไปถึงมือผู้ใช้โทรศัพท์สาธารณะที่รออยู่ โดยเหรียญกษาปณ์ดังกล่าวยังคงติดค้างอยู่ในเครื่องโทรศัพท์สาธารณะในลักษณะที่ง่ายแก่การมาล้วงเอาไปในภายหลัง ฉะนั้น ขณะที่เหรียญกษาปณ์ตกลงไปค้างอยู่บนก้อนกระดาษในช่องคืนเหรียญ ความผิดฐานลักทรัพย์ยังไม่สำเร็จเพราะนายพิเชษฐ์ยังไม่ได้เอาเหรียญกษาปณ์นั้นไป ความครอบครองยังอยู่กับเจ้าของเหรียญกษาปณ์ที่รอรับเหรียญกษาปณ์นั้นอยู่ และการที่เจ้าของเหรียญกษาปณ์ออกจากตู้โทรศัพท์สาธารณะไปไม่ได้หมายความว่ามีเจตนาสละทิ้งเหรียญกษาปณ์ที่ติดค้าง เพราะการสละสิทธิ์จะต้องกระทำด้วยความสมัครใจมิใช่อยู่ในลักษณะที่ถูกขัดขวางการได้ทรัพย์กลับคืนที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษจำเลยมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้นทุกข้อ”

พิพากษายืน

Share