คำสั่งคำร้องที่ 2147/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ฎีกาโจทก์โต้แย้งในปัญหาข้อเท็จจริง และราคาทรัพย์สินที่พิพาทชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขแล้ว ไม่รับฎีกา
โจทก์เห็นว่า ฎีกาของโจทก์เป็นปัญหาข้อกฎหมายว่าการที่โจทก์ฟ้องนายจ้างให้ร่วมรับผิดในผลแห่งการละเมิดที่ลูกจ้างกระทำไปในทางการที่จ้าง แต่ทางพิจารณา ปรากฏว่าลูกจ้างคนที่ถูกฟ้องมิได้เป็นผู้กระทำ แต่ลูกจ้างอีกคนหนึ่งซึ่งโจทก์ไม่ได้ฟ้องเป็นผู้กระทำละเมิด เช่นนี้นายจ้างยังจะต้องรับผิดหรือไม่ โปรดรับฎีกาของโจทก์ ไว้พิจารณาต่อไปด้วย
หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ที่ 5 ร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน 15,300 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้ยกฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 3 ที่ 4
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2, ที่ 5 เสียด้วย
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว (อันดับ 130)
โจทก์ยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 131)โดยเสียค่าคำร้องเกินไป 160 บาท

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ที่ 5จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ โจทก์ฎีกาว่าลูกจ้างของจำเลยที่ 2ที่ 5 ได้กระทำไปในทางการที่จ้างจำเลยที่ 2 ที่ 5ต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์นั้น เป็นฎีกาโต้เถียงในข้อเท็จจริงต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 ที่แก้ไขใหม่ ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา โจทก์ชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องอุทธรณ์คำสั่ง โจทก์เสียมาเกินจึงให้คืนโจทก์ไป 160 บาท

Share