คำสั่งคำร้องที่ 1265/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความว่า โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งว่า คดีต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 ฎีกาของโจทก์เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟัง พยานหลักฐาน เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว จึงไม่รับฎีกาของโจทก์
โจทก์เห็นว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่รับฎีกาของโจทก์ ยังคลาดเคลื่อนต่อปัญหาข้อกฎหมาย กล่าวคือตามประเด็นข้อพิพาท โจทก์มีสิทธิฟ้องขับไล่จำเลยทั้งสองเนื่องจากจำเลยทั้งสอง ได้ร่วมกันบุกรุกเข้าทำนาในที่ดินของโจทก์ และที่ดินแปลงดังกล่าว มีการแบ่งแยกเป็นสัดส่วนแน่ชัด จึงไม่เข้าข้อสันนิษฐานตามกฎหมาย โปรดมีคำสั่งให้รับฎีกาของโจทก์ไว้พิจารณาพิพากษาต่อไปด้วย
หมายเหตุ ไม่ปรากฎว่าจำเลยทั้งสองได้รับสำเนาคำร้องหรือไม่
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองขนย้ายทรัพย์สิน พร้อมทั้งบริวารออกไปจากที่ดินโฉนดเลขที่ 4412 ตำบลคลองนราภิรมย์ อำเภอบางปลาจังหวัดนครปฐมเฉพาะส่วนของโจทก์เนื้อที่ 40 ไร่เศษ ห้ามจำเลยทั้งสองเกี่ยวข้องอีกต่อไป ให้จำเลยร่วมกันหรือแทนกันใช้ค่าเสียหาย แก่โจทก์ 43,500 บาท ให้ร่วมกันหรือแทนกันใช้ค่าเสียหาย ในอัตราปีละ 18,000 บาท ตั้งแต่วันฟ้องไปจนกว่าจำเลยทั้งสอง จะได้ขนย้ายทรัพย์สินและบริวารออกไปจากที่นาโจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกา (อันดับ 69)
โจทก์ยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 71)

คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเข้าทำนา ในที่พิพาทโดยอาศัยสิทธิตามสัญญาเช่าที่ทำกับผู้ถือกรรมสิทธิ์ ที่พิพาทร่วมกับโจทก์ จึงไม่เป็นการบุกรุกโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง โจทก์ฎีกาว่าพิพาทมีการแบ่งแยกกันครอบครองเป็นส่วนสัดแล้ว จึงเป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ เป็นฎีกาปัญหาข้อเท็จจริง ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง

Share