แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าคดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ไขเล็กน้อยและลงโทษจำคุกจำเลยที่ 1ไม่เกิน 5 ปี ฎีกาของจำเลยที่ 1 เป็นปัญหาข้อเท็จจริง จึงมีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 เห็นว่า ฎีกาที่ว่าจำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดฐานเป็นตัวการร่วมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 ประกอบ มาตรา 335(7)(8) แต่การกระทำของจำเลยเป็นการสนับสนุนการกระทำ ความผิดฐานลักทรัพย์ ตามมาตรา 334 เป็นปัญหาข้อกฎหมาย โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 ไว้พิจารณาด้วย หมายเหตุ โจทก์ยังไม่ได้รับสำเนาคำร้อง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 และที่ 3 มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188,335(7)(8) วรรคสาม ประกอบ มาตรา 83 การกระทำความผิดฐานเอาเอกสารของผู้อื่นและการกระทำ ความผิดฐานลักทรัพย์ เป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมายหลายบท ลงโทษ จำเลยที่ 1 และที่ 3 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7)(8) วรรคสาม ประกอบมาตรา 83 ซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกจำเลยที่ 1 และที่ 3 คนละ 5 ปี จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188,335(7)(8) วรรคสามประกอบมาตรา 83,264 การกระทำความผิดฐานเอาเอกสารของผู้อื่น และการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ เป็นกรรมเดียวแต่ผิดกฎหมาย หลายบท ลงโทษจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7)(8) วรรคสาม ประกอบมาตรา 83 ซึ่งเป็นบทหนัก ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ฐานลักทรัพย์ จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 5 ปี ฐานปลอมเอกสารจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพฐานลักทรัพย์ชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้จำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 หนึ่งในสามจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 3 ปี 4 เดือน จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพฐานปลอมเอกสารชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้จำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 1 ปี เรียงกระทงลงโทษจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวมจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 4 ปี 4 เดือน ข้อหาอื่นของจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 3 นอกจากนี้ ให้ยก คืนของกลางแก่เจ้าของ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ลงโทษจำเลยที่ 1 และที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(7)(8) วรรคสาม ซึ่งเป็นบทหนัก ตามมาตรา 90 จำคุกคนละ 3 ปี และลดโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 2 ปี ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตาม คำพิพากษาของศาลชั้นต้น จำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาดังกล่าว(อันดับ 152) จำเลยที่ 1 จึงยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 154)
คำสั่ง พิเคราะห์แล้ว คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 188, 335(7)(8) วรรคสาม ประกอบมาตรา 83 ให้ลงโทษตามมาตรา 335(7)(8) วรรคสาม ประกอบมาตรา 83 ซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา 90 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 ปี ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าให้ลงโทษจำคุก จำเลยที่ 1 ตามมาตรา 335(7)(8) วรรคสาม ซึ่งเป็นบทหนักตามมาตรา 90 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 3 ปี ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาในดุลพินิจของศาลในการชั่งน้ำหนัก คำพยานว่าจำเลยที่ 1 ร่วมกับนางสมพิศ โถน้อย เป็นตัวการร่วมลักทรัพย์ตามฟ้องหรือไม่ เป็นฎีกาใน ปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามมิให้ฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรกศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาในข้อนี้ชอบแล้ว ส่วนที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า จำเลยที่ 1 ไม่มีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(8) เพราะนางสมพิศ ไม่มีความผิดฐานลักทรัพย์ในเคหสถานของตนเอง จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นตัวการ จึงไม่มีความผิดในเหตุลักษณะคดีด้วยนั้น เป็นปัญหาข้อกฎหมาย จำเลยที่ 1 ฎีกาได้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาในข้อนี้ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย จึงมีคำสั่งให้รับฎีกาจำเลยที่ 1 เฉพาะในส่วนนี้ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการต่อไป