แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ร่วมรู้เรื่องความผิดที่ถูกฉ้อโกง และรู้ตัวผู้กระทำ ความผิดว่าจำเลยเป็นคนฉ้อโกงตั้งแต่ก่อนวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๓๓ แล้วเพิ่งมาร้องทุกข์เมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๓๓ ซึ่งเกิน ๓ เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิดและรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีโจทก์ และโจทก์ร่วมเป็นอันขาดอายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๖ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องย่อมระงับไป ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา ๓๙(๖) โจทก์และโจทก์ร่วมจึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑ ให้จำเลยใช้เงิน ๘๑๕,๐๐๐ บาท แก่ผู้เสียหาย
จำเลยให้การปฎิเสธ
ระหว่างพิจารณา ผู้เสียหายยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑ จำคุก ๒ ปี ให้จำเลยใช้เงิน ๘๑๕,๐๐๐ บาท แก่โจทก์ร่วม
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค ๑ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์ร่วมรู้เรื่องความผิดที่ ถูกฉ้อโกงและรู้ตัวผู้กระทำความผิดตั้งแต่ก่อนวันที่ ๑ มิถุนายน ๒๕๓๓ แล้วละเลยไม่ร้องทุกข์เพิ่งมาร้องทุกข์เมื่อวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๓๓ ซึ่งเกิน ๓ เดือน นับแต่วันที่รู้เรื่องความผิด และรู้ตัวผู้กระทำความผิด คดีโจทก์และโจทก์ร่วมเป็นอันขาด อายุความตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๖ แล้ว สิทธินำคดีอาญา มาฟ้องย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙(๖) โจทก์และโจทก์ร่วม จึงไม่มีอำนาจฟ้องคดีนี้
พิพากษายืน