คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7621/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

คำว่าคดีไม่อยู่ในอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา176เดิมมีความหมายรวมถึงเขตอำนาจศาลด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คธนาคารกรุงเทพ จำกัด สาขาราษฎร์บูรณะ 2 ฉบับ ลงวันที่14 และ 21 พฤศจิกายน 2527 สั่งจ่ายเงินฉบับละ 300,000 บาทต่อมาห้างหุ้นส่วนจำกัดธีระทิมเบอร์ โดยนายพัฒน์พงษ์หุ้นส่วนผู้จัดการได้นำเช็คทั้งสองฉบับและเช็คอื่นอีกรวมทั้งสิ้น12 ฉบับ มาทำสัญญาขายลดให้แก่โจทก์ ครบกำหนดใช้เงินธนาคารปฎิเสธการจ่ายเงินตามเช็คทั้งสองฉบับ จำเลยจะต้องชำระเงินตามเช็คทั้งสองฉบับพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในระหว่างผิดนัด คิดถึงวันฟ้องรวมเป็นต้นเงินและดอกเบี้ย712,746.56 บาท ก่อนฟ้องคดีนี้โจทก์เคยฟ้องจำเลยกับพวกอีก 1 คนต่อศาลแพ่งธนบุรีให้บังคับจำเลยรับผิดชำระเงินตามเช็คทั้งสองฉบับให้แก่โจทก์ ศาลแพ่งธนบุรีพิพากษายกฟ้องจำเลยเพราะเหตุคดีไม่อยู่ในอำนาจศาล โดยยกฟ้องเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2529 ตามคดีหมายเลขแดงที่ 5393/2529 ของศาลแพ่งธนบุรี ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 712,746.56 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์เคยฟ้องจำเลยกับพวกต่อศาลแพ่งธนบุรีให้บังคับจำเลยร่วมรับผิดชำระเงินตามเช็คพิพาททั้งสองฉบับให้แก่โจทก์ศาลแพ่งธนบุรีพิพากษายกฟ้องจำเลยเพราะคดีไม่ได้อยู่ในเขตอำนาจศาลมิใช่ยกฟ้องเพราะคดีไม่อยู่ในอำนาจศาลกรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 176 โจทก์นำเงินเช็คพิพาทมาฟ้องจำเลยที่ศาลนี้ คดีโจทก์จึงขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินตามเช็คฉบับลงวันที่21 พฤศจิกายน 2527 จำนวน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 21 พฤศจิกายน 2527 และเช็คฉบับลงวันที่ 14 พฤศจิกายน 2527 จำนวน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันที่ 14 พฤศจิกายน 2527จนกว่าจำเลยจะชำระเงินตามเช็คทั้งสองฉบับเสร็จแก่โจทก์
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความนั้น ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติได้ว่า จำเลยเป็นผู้ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเช็คพิพาททั้งสองฉบับลงวันที่ 14 และ 21 พฤศจิกายน 2527โจทก์ได้เช็คพิพาทไว้ในครอบครองโดยรับซื้อลดจากห้างหุ้นส่วนจำกัดธีระทิมเบอร์เช็คพิพาทครบกำหนดใช้เงินธนาคารปฎิเสธการจ่ายเงินตามเช็ค เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2528โจทก์ฟ้องจำเลยกับพวกต่อศาลแพ่งธนบุรีให้บังคับจำเลยรับผิดชำระหนี้ตามเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ ศาลแพ่งธนบุรีวินิจฉัยว่า ขณะยื่นฟ้องจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลจังหวัดสมุทรปราการ ไม่อยู่ในอำนาจศาลแพ่งธนบุรีจะพิจารณาพิพากษาคดี พิพากษายกฟ้องจำเลยโดยมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2529 ตามคดีหมายเลขแดงที่5393/2529 ของศาลแพ่งธนบุรี เห็นว่า เช็คพิพาทลงวันออกเช็ควันที่ 14 และ 21 พฤศจิกายน 2527 เมื่อธนาคารปฎิเสธการจ่ายเงินตามเช็คพิพาทแล้ว โจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยให้รับผิดชำระหนี้ตามเช็ควันที่ 12 กันยายน 2528 โจทก์จึงได้ฟ้องจำเลยเป็นคดีดังกล่าวภายในกำหนด 1 ปี นับแต่วันออกเช็ค ฟ้องโจทก์ในคดีดังกล่าวจึงไม่ขาดอายุความ ต่อมาศาลแพ่งธนบุรีพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะคดีไม่อยู่ในอำนาจศาลแพ่งธนบุรีที่จะพิจารณาพิพากษา กรณีจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 176 (เดิม) ซึ่งมีผลว่าเช็คพิพาทที่ขาดอายุความลงในระหว่างดำเนินคดีดังกล่าวหรือจะสิ้นอายุความระหว่างหกเดือนภายหลังที่ได้พิพากษาคดีถึงที่สุดให้ขยายอายุความนั้นออกไปถึงหกเดือนภายหลังคำพิพากษาตามบทบัญญัติดังกล่าวศาลแพ่งธนบุรีพิพากษายกฟ้องคดีดังกล่าววันที่ 21 พฤศจิกายน 2529 โจทก์มาฟ้องคดีนี้วันที่ 21 พฤษภาคม2530 คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความที่จำเลยอ้างว่า คดีดังกล่าวศาลแพ่งธนบุรีพิพากษายกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยเพราะคดีไม่อยู่ในเขตอำนาจศาล มิใช่ยกฟ้องเพราะคดีไม่อยู่ในอำนาจศาล จึงไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 176 (เดิม) นั้น เห็นว่าคำว่า คดีไม่อยู่ในอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 176 (เดิม) มีความหมายรวมถึงเขตอำนาจศาลด้วย กรณีจึงต้องด้วยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 176 (เดิม) ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยมานั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share