แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความตอนท้ายของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา87(2)บัญญัติยกเว้นไว้ว่าถ้าศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดีโดยฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติของอนุมาตรานี้ก็ให้ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้คดีอาญาเรื่องนี้โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา88แล้วเพียงแต่ขาดสำเนาเพื่อส่งแก่จำเลยจำเลยมีโอกาสไปขอตรวจดูบัญชีระบุพยานที่ยื่นไว้ต่อศาลได้อยู่แล้วทั้งในการสืบพยานโจทก์ทุกปากจำเลยได้ถามค้านพยานจำเลยไม่เสียเปรียบและไม่ได้รับความเสียหายโจทก์ไม่ได้ประสงค์จะเอาเปรียบในทางคดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมจึงรับฟังพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 278
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 278 จำคุก 3 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 87(2) ระบุไว้ชัดเจนว่าพยานหลักฐานที่ศาลจะรับฟังได้จะต้องเป็นพยานหลักฐานที่คู่ความได้แสดง “ความจำนงที่จะอ้างอิง”ด้วยการแสดงเจตนาออกมาโดยเปิดเผยว่า จะอ้างพยานหลักฐานอะไรบ้างซึ่งความประสงค์ของการแสดงความจำนงที่จะอ้างพยานหลักฐานนี้ก็เพื่อมิให้คู่ความจู่โจมกันในทางพยานหลักฐานโดยไม่รู้ตัวกล่าวคือ เพื่อให้คู่ความฝ่ายอื่นได้รู้ตัวล่วงหน้าว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะนำสืบพยานหลักฐานใดและได้กำหนดเวลาสำหรับการยื่นไว้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 พร้อมทั้งกำหนดให้คู่ความผู้ยื่นส่งสำเนาบัญชีระบุพยานเพื่อให้คู่ความฝ่ายอื่นมารับเอาไปจากศาลด้วย แต่ความตอนท้ายของมาตรา 87(2) นั้นเองก็บัญญัติยกเว้นไว้ว่า แต่ถ้าศาลเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จำเป็นจำต้องสืบพยานหลักฐานอันสำคัญซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี โดยฝ่าฝืนบทบัญญัติของอนุมาตรานี้ก็ให้ศาลมีอำนาจรับฟังพยานหลักฐานเช่นว่านั้นได้ จึงชอบที่จะพิเคราะห์ว่า การที่โจทก์ยื่นบัญชีระบุพยานไว้ตามกำหนดเวลาที่ถูกต้องตามมาตรา 88 แล้ว เพียงแต่ขาดสำเนาเพื่อส่งให้แก่จำเลยนั้น โดยมีความประสงค์จะเอาเปรียบในทางคดีหรือไม่ซึ่งศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยมีโอกาสไปขอตรวจดูบัญชีระบุพยานที่ยื่นไว้ต่อศาลได้อยู่แล้ว มิฉะนั้นก็คงไม่อาจทราบได้ว่าโจทก์ไม่มีสำเนาไว้ให้ตน การทราบว่าไม่มีสำเนาจึงเชื่อได้ว่าเพราะจำเลยมาขอรับสำเนานั่นเอง ทั้งในการสืบพยานโจทก์ทุกปากจำเลยได้ถามค้านพยานบางปากยังขออนุญาตศาลถามภายหลังจากโจทก์ถามติงแล้วก็มีจึงไม่เสียเปรียบหรือหลงทางในการต่อสู้คดีดังกล่าวอ้างแต่อย่างใดฝ่ายจำเลยเองกลับยื่นบัญชีระบุพยานเมื่อศาลสืบพยานโจทก์ไปหมดแล้วและเป็นเวลาภายหลังจากที่จำเลยได้คัดค้านว่า โจทก์ส่งสำเนาบัญชีพยานให้ตนแล้ว 1 วัน แม้ในทางปฏิบัติสำหรับจำเลยในคดีอาญาศาลจะมิได้ถือเคร่งครัดว่าจำเลยต้องยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาเสมอไป เพื่อเปิดโอกาสให้จำเลยได้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ก็ตามแต่ความยุติธรรมนั้น ต้องเพื่อประโยชน์แก่คู่ความทั้งสองฝ่ายไม่ใช่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพียงฝ่ายเดียว ฉะนั้นโดยเฉพาะคดีนี้เห็นว่าจำเลยไม่ได้รับความเสียหาย โจทก์ไม่ได้ประสงค์จะเอาเปรียบในทางคดีเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม จึงรับฟังพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมาได้
พิพากษายืน