แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การอุทิศที่ดินให้ใช้เป็นทางสาธารณะเป็นการสละที่ดินให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกันตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา1304ไม่จำต้องจดทะเบียนการให้ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ตามมาตรา525ก็มีผลสมบูรณ์ตามกฎหมาย
ย่อยาว
โจทก์ ฟ้อง ว่า โจทก์ เป็น เจ้าของ กรรมสิทธิ์ ที่ดิน โฉนดเลขที่ 10512 ต่อมา สำนักงาน เร่งรัด พัฒนา ชนบท (รพช.) ได้ ตัด ถนน ผ่านที่ดิน ของ โจทก์ ยาว จาก เหนือ จด ใต้ จำเลย ซึ่ง ปลูก บ้าน อยู่ ทาง ด้านทิศตะวันตก ของ ที่ดิน โจทก์ ได้ว่า จ้าง รถบรรทุก ดิน นำ ดิน มา ถม ใน ที่ดินของ โจทก์ ซึ่ง อยู่ ระหว่าง ถนน สำนักงาน เร่งรัด พัฒนา ชนบท (รพช.)กับ บ้าน ของ จำเลย เนื้อที่ ประมาณ 60 ตารางวา ทำให้ โจทก์ เสียหายปี ละ 5,000 บาท ขอให้ บังคับ จำเลย ขน ดิน ออกจาก ที่ดิน ของ โจทก์และ ทำให้ อยู่ ใน สภาพ เดิม หาก จำเลย ไม่ปฏิบัติ ตาม ให้ โจทก์ ดำเนินการเอง โดย ให้ จำเลย เสีย ค่าใช้จ่าย และ ให้ จำเลย ใช้ ค่าเสียหาย จำนวน5,000 บาท และ ต่อไป อีก ปี ละ 5,000 บาท จนกว่า จำเลย จะ ปฏิบัติการ ดังกล่าว เสร็จ แก่ โจทก์
จำเลย ให้การ ว่า จำเลย ได้ ถม ดิน ใน บริเวณ ที่ โจทก์ ได้ อุทิศ ให้ แก่สำนักงาน เร่งรัด พัฒนา ชนบท เพื่อ เป็น สาธารณสมบัติของแผ่นดิน และเพื่อ สร้าง ถนน สาธารณะ ที่พิพาท จึง เป็น สาธารณสมบัติของแผ่นดินจำเลย ได้ ถม ดิน เพื่อ ใช้ เป็น ทาง เข้า บ้าน ของ จำเลย โดย ได้รับ อนุญาตจาก สำนักงาน เร่งรัด พัฒนา ชนบท แล้ว ซึ่ง มี เนื้อที่ ประมาณ 15 ตารางเมตรค่าเสียหาย สูง เกิน ความจริง ขอให้ ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้น พิจารณา แล้ว พิพากษายก ฟ้อง
โจทก์ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกา วินิจฉัย ว่า “คดี นี้ ทุนทรัพย์ ที่พิพาท กัน ใน ชั้นฎีกาไม่เกิน สอง แสน บาท ต้องห้าม ฎีกา ใน ข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่ง โจทก์ ฎีกาใน ปัญหาข้อกฎหมาย ว่า การ อุทิศ ที่ดินพิพาท ราย นี้ มิได้ จดทะเบียน ต่อพนักงาน เจ้าหน้าที่ เป็น การ ให้ ที่ ไม่สมบูรณ์ หรือไม่ ใน การ วินิจฉัยข้อกฎหมาย ดังกล่าว ศาลฎีกา จำต้อง ฟัง ข้อเท็จจริง ตาม ที่ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย มา แล้ว จาก พยานหลักฐาน ใน สำนวน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 238 ประกอบ มาตรา 247ซึ่ง ศาลอุทธรณ์ ฟัง ข้อเท็จจริง มา ว่า เดิม ที่พิพาท เป็น ส่วน หนึ่ง ของที่ดิน โฉนด เลขที่ 10512 ของ โจทก์ เมื่อ วันที่ 20 มกราคม 2530 โจทก์ได้ ทำ หนังสือ อุทิศ ที่พิพาท ดังกล่าว ให้ แก่ สำนักงาน เร่งรัด พัฒนา ชนบทเพื่อ ทำการ สร้าง ถนน เป็น สาธารณสมบัติของแผ่นดิน โดย ส่วน หนึ่งเป็น ตัว ถนน และ ส่วน หนึ่ง อยู่ ใน เขต รัศมี ถนน ทั้ง สอง ข้าง หลังจาก นั้นสำนักงาน เร่งรัด พัฒนา ชนบท ได้ จัดทำ ถนน มี ความ กว้าง 30 เมตรโดย วัด จาก จุด กึ่งกลาง ถนน ไป ข้าง ละ 15 เมตร ใน ปี 2532 จำเลย ได้ ถม ดินลง ใน ที่พิพาท ทำ เป็น ทาง จาก ถนน ที่ เป็น ผิวจราจร เข้า บ้าน จำเลย คิด เป็นเนื้อที่ 12 ตารางเมตร โดย อยู่ ใน เขต รัศมี ถนน ใน บริเวณ 15 เมตรดังกล่าว โดย ได้รับ อนุญาต จาก สำนักงาน เร่งรัด พัฒนา ชนบท แล้วข้ออ้าง ตาม ฎีกา ของ โจทก์ ว่า โจทก์ อุทิศ ที่พิพาท ให้ เป็น ทางสาธารณะโดย มิได้ จดทะเบียน ต่อ พนักงาน เจ้าหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1299 เป็น การ ไม่ชอบ นั้นเห็นว่า การ อุทิศ ที่ดิน ให้ ใช้ เป็น ทางสาธารณะ เช่นนี้ เป็น การ สละที่ดิน ให้ เป็น สาธารณสมบัติของแผ่นดิน สำหรับ พลเมือง ใช้ ร่วมกัน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304 กรณี เช่นนี้ หา จำต้องจดทะเบียน การ ให้ ต่อ พนักงาน เจ้าหน้าที่ ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 525 ก็ มีผล สมบูรณ์ ตาม กฎหมาย โจทก์ มิใช่ เจ้าของ กรรมสิทธิ์ที่พิพาท จึง ไม่มี อำนาจฟ้อง ที่ ศาลล่าง ทั้ง สอง พิพากษา มา นั้น ชอบแล้วฎีกา ของ โจทก์ ฟังไม่ขึ้น ”
พิพากษายืน