แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้แล้วจำเลยจะต้องจ่ายเงินให้โจทก์จำนวนหนึ่ง แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงกลับจะนำเงินที่นำมาด้วยกลับไปนั้นเป็นเรื่องระหว่างโจทก์จำเลยไม่อาจถือได้ว่าเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล
การที่จำเลยขัดขืนไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปที่ห้องจ่าศาลและร้องเอะอะโวยวายให้ผู้อื่นช่วย อันเนื่องมาจากการจับกุมจำเลยโดยไม่มีหมายจับ ซึ่งกรณีไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะจับกุมจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 78 ดังนั้นการนำตัวจำเลยมาศาลจึงต้องใช้กำลังฉุดกระชาก และจำเลยร้องเอะอะโวยวายเมื่อถูกใส่กุญแจมือนั้น ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยประพฤติตน ไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากจ่าศาลอาญาเสนอรายงานต่อผู้พิพากษาศาลอาญาว่า ร้อยตำรวจตรีจารึก จำเลยที่ ๑ ในคดีนี้วิ่งราวกระเป๋าเงินที่บริเวณศาลอาญา เจ้าหน้าที่ตำรวจประจำศาลไล่ตามจับตัวได้ที่ถนนราชินีหน้าศาลคดีเด็กและเยาวชนกลาง แล้วจะนำตัวมาที่ศาลอาญา แต่จำเลยไม่ยอมเข้ามาในบริเวณศาลอาญา เจ้าหน้าที่ศาลและเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องช่วยกันดึงตัวจำเลยเข้ามาพฤติการณ์ของจำเลยเป็นการปฏิบัติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๑(๑)
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกร้อยตำรวจตรีจารึกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๓๑(๑), ๓๓(ข)
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้ความว่าเดิมโจทก์ได้ยื่นฟ้องจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เป็นคดีอาญา ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องสั่งคดีมีมูลแล้ว ในระหว่างสืบพยานโจทก์ โจทก์ได้ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยทั้งสองคน โดยโจทก์อ้างว่ามีข้อตกลงระหว่างโจทก์ทั้งสองกับจำเลยที่ ๑ ว่า เมื่อศาลสั่งอนุญาตให้ถอนฟ้องแล้วจำเลยที่ ๑ จะจ่ายเงินให้โจทก์ทั้งสอง ๑๐๐,๐๐๐ บาท เงินจำนวนนี้อยู่ในกระเป๋าที่จำเลยที่ ๑ ถือมา ส่วนจำเลยที่ ๑ อ้างว่าไม่ได้ตกลงจะให้เงินโจทก์ เดิมจำเลยที่ ๑ ได้จับกุมโจทก์ทั้งสองในข้อหาเล่นการพนันและข้อหาอื่นอีก จำเลยที่ ๑ ได้ร้องเรียนต่ออธิบดีกรมตำรวจ โจทก์ขอให้จำเลยที่ ๑ ถอนคำร้องแล้วโจทก์จะถอนฟ้องคดีอาญาเป็นการตอบแทน ในวันนั้นโจทก์จำเลยได้นำคำร้องขอถอนฟ้องมายื่นต่อศาล จำเลยที่ ๑ ได้ฝากกระเป๋าเงินไว้แก่เจ้าหน้าที่ศาลเมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องแล้วจำเลยที่ ๑ จึงไปรับกระเป๋าใส่เงินคืนเดินลงมาจากศาลอาญาโดยมีโจทก์เดินตามไปติด ๆ โจทก์เข้าไปดึงเสื้อจำเลยที่ ๑ ขาดติดมือและร้องว่าเอาเงินมา ร้อยตำรวจตรีสุบินได้รับแจ้งเหตุจึงไปจับกุมจำเลยที่ ๑ มีประชาชนมาช่วยร้อยตำรวจตรีสุบินฉุดกระชากจำเลยที่ ๑ มาที่ศาลอาญาและใส่กุญแจมือจำเลยที่ ๑ ติดกับลูกกรงเหล็กจำเลยที่ ๑ จึงร้องเอะอะโวยวาย แล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า
แม้จะฟังข้อเท็จจริงว่า เมื่อศาลมีคำสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องได้แล้วจำเลยจะต้องจ่ายเงินให้โจทก์ ๑๐๐,๐๐๐ บาท แล้วจำเลยไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงกลับจะนำเงินที่อยู่ในกระเป๋ากลับไป ก็เป็นเรื่องระหว่างโจทก์กับจำเลย ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล ส่วนเหตุการณ์ในตอนหลังที่จำเลยขัดขืนไม่ยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวไปที่ห้องจ่าศาลและร้องเอะอะโวยวายให้ช่วยนั้น ร้อยตำรวจตรีสุบินจับกุมจำเลยโดยไม่มีหมายจับ กรณีไม่เข้าข้อยกเว้นที่จะให้จับกุมจำเลยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๗๘ การนำตัวจำเลยมาศาลต้องใช้กำลังฉุดกระชากจะให้จำเลยประพฤติตนเช่นคนปกติธรรมดาที่เข้ามาในบริเวณศาลได้อย่างไร การที่จำเลยร้องเอะอะโวยวายเมื่อถูกใส่กุญแจมือก็เช่นเดียวกัน ไม่อาจถือได้ว่าจำเลยประพฤติตนไม่เรียบร้อยในบริเวณศาล
พิพากษากลับเป็นว่า จำเลยไม่มีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล