แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศ.ได้นำเจ้าพนักงานไปดูสถานที่ซึ่งศ. กับพวกร้องเรียนว่าจำเลยใช้รถแทรกเตอร์ไถดินกลบลำเหมืองสาธารณะ ศ.กับจำเลยเกิดโต้เถียงกันและศ. ได้พูดว่าจำเลยก่อนว่าจำเลยจะโกงลำเหมือง จำเลยจึงพูดว่าศ.ก็โกงที่เขามา ดังนี้ ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวนั้น เป็นถ้อยคำตอบโต้หรือย้อนคำ ศ. เป็นเรื่องต่างคนต่างว่าซึ่งกันและกันในการทะเลาะโต้เถียงกันจึงถือไม่ได้ว่า ศ. เป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง คดีที่คู่ความอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติ จัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงฯนั้น ข้อเท็จจริงต้องฟังเป็นยุติตามที่ศาลแขวงฟังมา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบังอาจใส่ความนายศรีชัย หรือไช้ วงศ์ภีรักษ์ ต่อบุคคลที่สาม โดยพูดว่า “ที่ดินไช้ก็ได้โกงผู้อื่นมา” และเมื่อนายศรีชัยถามว่า”ผมโกงใคร” จำเลยก็พูดว่า “โกงนายสงค์ซึ่งเป็นลุง” การพูดของจำเลยเช่นว่านั้นน่าจะทำให้นายศรีชัยเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชังขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 7
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า นายศรีชัยไม่ใช่ผู้เสียหาย พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า นายศรีชัยเป็นผู้เสียหาย พิพากษากลับ จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ตุลาคม 2519 ข้อ 7 ให้ปรับจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลแขวงพิพากษายกฟ้องคู่ความจะอุทธรณ์ได้แต่เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 22 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2503 มาตรา 10 ส่วนข้อเท็จจริงต้องฟังเป็นยุติตามที่ศาลแขวงฟังมาว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุนายศรีชัยหรือไช้ วงศ์ภีรักษ์ ได้นำเจ้าพนักงานไปดูสถานที่ซึ่งนายศรีชัยกับพวกร้องเรียนว่าจำเลยใช้รถแทรกเตอร์ไถดินกลบลำเหมืองสาธารณะ นายศรีชัยกับจำเลยเกิดโต้เถียงกันและนายศรีชัยได้พูดว่าจำเลยก่อนว่า จำเลยจะโกงลำเหมืองจำเลยจึงพูดว่า นายศรีชัยก็โกงที่เขามา ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยมีว่านายศรีชัยเป็นผู้เสียหายตามกฎหมายหรือไม่ เห็นว่า ถ้อยคำที่จำเลยกล่าวนั้นเป็นถ้อยคำตอบโต้หรือย้อนคำนายศรีชัย เป็นเรื่องต่างคนต่างว่าซึ่งกันและกันในการทะเลาะโต้เถียงกัน จึงถือไม่ได้ว่านายศรีชัยเป็นผู้เสียหายตามกฎหมาย โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์