แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดฐานปล้นทรัพย์สำเร็จนั้น ต้องได้ความว่า จำเลยได้ชิงเอาทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ไปด้วย
จำเลยได้ร้อง “อ้ายเสือเอา” และพังประตูเรือนเจ้าทรัพย์เข้ามาทั้งเอาปืนยิงด้วยแต่ไม่ปรากฏว่าเอาทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ไปด้วย จำเลยมีความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์
ย่อยาว
คดี 2 สำนวนนี้เป็นกรณีเดียวกัน แต่ฟ้องคนละคราว ศาลชั้นต้นได้พิจารณาพิพากษารวมกันมา ได้ความว่า ได้มีคนร้ายราว 10 คน ทำการปล้นทรัพย์ที่เรือนนายก๊อด คนร้ายได้ร้องว่า อ้ายเสือเอาวา และกรูขึ้นบนเรือน พังประตูโครมคราม นายก๊อดได้ยิงต่อสู้กับผู้ร้าย แล้วผู้ร้ายล่าถอยไปปรากฏว่าเสื้อเชิ้ต 1 ตัวราคา 40 บาท ของนายก๊อดที่ตากไว้ที่ราวหายไป จำเลยถูกฟ้องหาว่าเป็นคนร้ายปล้นทรัพย์รายนี้ จำเลยให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นลงโทษนายเล็กนายหนอม นายหยด นายอั้น นายแสวงจำเลยตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 301 และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคา 40 บาทแก่เจ้าทรัพย์และยกฟ้องนายเชื้อจำเลย
จำเลยที่ต้องโทษอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ยังฟังไม่ถนัดว่าคนร้ายที่ปล้นเอาเสื้อเชิ้ตที่ตากไว้ไป เพราะเสื้อนั้นอาจหายไปก่อนได้ จึงพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์ตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 301, 60 นอกนั้นยืนตาม
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ความผิดฐานปล้นทรัพย์สำเร็จนั้น จะต้องได้ความว่าจำเลยได้ชิงเอาทรัพย์ของเจ้าทรัพย์ไปด้วย แต่คดีนี้พยานหลักฐานโจทก์ไม่ชัดพอที่จะฟังว่า จำเลยหรือพวกของจำเลยเอาเสื้อเชิ้ตของเจ้าทรัพย์ไป
พิพากษายืน