คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1116/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามกระบวนพิจารณาเป็นหน้าที่ของคู่ความฝ่ายที่อ้างพยานจะต้องจัดการเอาพยานมาให้ศาลสืบตามนัด
คดีอาญาแผ่นดิน ย่อมเป็นหน้าที่ของอัยการโดยตรงที่จะต้องระวัง จัดการเอาพยานมาให้ศาลสืบ การที่ผู้เสียหายซึ่งเป็นโจทก์ร่วม รับว่าจะนำพยานมาศาลเอง เมื่อไม่มีพยานมาศาล หาทำให้อัยการพ้นหน้าที่ไปไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานกระทำพยานเท็จและปลอมหนังสือจำเลยปฏิเสธและศาลอนุญาตให้ผู้เสียหายเข้าเป็นโจทก์ร่วมกับอัยการในการนัดสืบพยานครั้งแรกพยานโจทก์มาศาล แต่ศาลสั่งเลื่อนคดีไปโดยศาลแพ่งยังไม่ได้ส่งเอกสารมา นัดที่สองพยานโจทก์มาแต่ผู้เสียหายผู้เดียว พยานอื่นไม่มา ทนายผู้เสียหายขอเลื่อน เพื่อตรวจดูเอกสารก่อน ศาลอนุญาต นัดที่สามพยานไม่มาศาล จำเลยและผู้เสียหายขอเลื่อนไป ทนายผู้เสียหายจะนำพยานมาศาลเอง โดยไม่ต้องให้อัยการขอหมาย ศาลให้เลื่อนไป นัดที่สี่ซึ่งเป็นนัดสุดท้ายเจ้าทุกข์และจำเลยแถลงต่อศาลว่า มีทางปรองดองและได้ตกลงกันแล้ว ไม่มีพยานโจทก์และเจ้าทุกข์มาศาลถึง 3 ครั้ง ศาลชั้นต้นจึงพิพากษายกฟ้อง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

อัยการโจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์คัดค้านว่า ไม่ใช่ความผิดของอัยการโจทก์ที่ไม่นำพยานมาศาล ทั้งนี้เพราะเจ้าทุกข์รับรองอยู่ว่าจะนำพยานมาศาลเอง และศาลก็จดบันทึกไว้เช่นนั้น โจทก์จึงไม่ได้ขอหมายซ้ำศาลฎีกาเห็นว่าตามกระบวนพิจารณาเป็นหน้าที่ของคู่ความฝ่ายที่อ้างพยาน จะต้องจัดการเอาพยานมาให้ศาลสืบตามวันนัด คดีนี้เป็นความอาญาแผ่นดิน ย่อมเป็นหน้าที่ของอัยการโดยตรงที่จะต้องระวังจัดการเอาพยานให้ศาลสืบ การที่ผู้เสียหายรับว่าจะนำพยานมาศาลเอง หาทำให้อัยการโจทก์พ้นหน้าที่ไปไม่ และการที่ศาลบันทึกไว้ในรายพิจารณาเช่นนั้น ก็หาแปลว่าศาลอนุญาตตามนั้นไม่

พิพากษายืน

Share