แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยจ้างโจทเปนลูกจ้างคิดค่าจ้งไห้เปนรายปี โจททำงานไห้จำเลยแล้วป่วยเสียเมื่อหายป่วยคงทำงานไห้จำเลยหยู่อีกรวมโจทเปนลูกจ้างจำเลยมาได้ 4 ปี เช่นนี้ ต้องถือว่าเปนกรนีที่มีคำมั่นจะไห้สินจ้าง
การที่โจทฟ้องเรียกค่าจ้างเต็มจำนวนตามสัญญา แต่สาลวินิฉัยว่า โจททำงานไม่ได้เต็มที่จ้างจึงได้คิดลดค่าจ้างตามสัญญาเดิมลงเช่นนี้ ไม่เปนการนอกฟ้องนอกประเด็น.
ย่อยาว
โจทฟ้องว่าจำเลยจ้างโจทเปนลูกจ้างคิดค่าจ้างไห้ปีละ ๔๐ เหรียน โจทเปนลูกจ้างหยู่ ๔ ปี แต่ป่วยเสีย ๖ เดือนหายป่วยแล้วก็รับไช้การงานจำเลยต่อมา ค่าจ้างค้างอีก ๕๙ เหรียน ๑๐ เซ็น ขอไห้สาลบังคับจำเลยไช้เงินจำนวนนี้คิดเปนเงินไทย ๕๙ บาท ๑๐ สต. กับค่าเสียหาย
สาลชั้นต้นวินิฉัยฟังว่า โจททำงานไห้จำเลยได้ ๗ เดือนก็ป่วยเสีย ๖ เดือน เมื่อหายแล้วก็ยังคงทำงานไห้จำเลยอีก แต่โจทพิการขาแข็งทำงานไม่ได้เต็มที่ดังเดิม เห็นว่าคดีต้องถือตามประมวนกดหมายแพ่งและพานิชมาตรา ๕๗๖ และเห็นควนกำหนดค่าจ้างไห้โจทเพียงปีละ ๓๐ เหรียน จึงพิพากสาไห้จำเลยไช้เงินไห้โจท ๒๗ บาท ๔๓ สตางค์ ส่วนค่าเสียหายไม่ไห้
จำเลยอุธรน์ สาลอุธรน์พิพากสากลับไห้ยกฟ้องโจทโดยวินิฉัยว่าที่สาลชั้นต้นยกประมวนกดหมายแพ่งและพานิชมาตรา ๕๗๖ ขึ้นวินิฉัยนั้น เปนเรื่องนอกฟ้องนอกสัญญาจ้าง
โจทดีกา สาลดีกาเห็นว่าการที่ดจทฟ้องเรียกค่าจ้างเต็มจำนวนตามสัญญา สาลวินิฉัยว่าโจททำงานไม่ได้เต็มที่ จึงคิดลดค่าจ้างตามสัญญาเดิมลงเช่นนี้ไม่เปนการนอกฟ้องนอกประเด็นอย่างได จึงพิพากสาไห้จำเลยไช้เงิน ๒๗ บาท ๔๓ สตางค์และไช้ค่าทำเนียมทั้งสามสาล