คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2692/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ถึงแม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 736,737 บัญญัติให้สิทธิผู้รับโอนทรัพย์สินซึ่งจำนองจะไถ่ถอนจำนองได้ แต่บทบัญญัติดังกล่าวเป็นกฎหมายในส่วนสารบัญญัติ ไม่ใช่บทกฎหมายที่เกี่ยวกับการบังคับคดี ทั้งไม่มีบทบัญญัติให้นำมาใช้ในการบังคับคดีได้และตามคำพิพากษาก็เป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องทำการไถ่ถอนจำนองที่พิพาทเสียก่อนแล้วจึงโอนให้แก่โจทก์โดยปลอดจำนอง หาใช่หน้าที่ของโจทก์ที่จะทำการไถ่ถอนจำนองเองไม่ ดังนั้น เมื่อจำเลยจงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับซึ่งออกบังคับเอาแก่จำเลยจึงถือได้ว่าเป็นกรณีที่ไม่มีวิธีบังคับอื่นใดที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะพึงใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 297(2)ศาลมีอำนาจที่จะกักขังจำเลยได้

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยไถ่ถอนจำนองที่ดินพิพาทแล้วโอนให้แก่โจทก์ โดยรับเงินจากโจทก์จำนวนหนึ่ง ถ้าจำเลยไถ่ถอนจำนองมาแล้วไม่จัดการโอน ให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา มิฉะนั้นให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทนที่ดินพิพาทแก่โจทก์ จำเลยนำเงินค่าสินไหมทดแทนมาวางศาลเพื่อปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์คัดค้านว่าจำเลยจะต้องปฏิบัติตามขั้นตอนในคำพิพากษา ในที่สุดศาลฎีกาพิพากษาว่าจำเลยยังไม่มีสิทธิเลือกปฏิบัติชำระเงินค่าสินไหมทดแทน ศาลชั้นต้นบังคับให้จำเลยปฏิบัติตามคำพิพากษาแต่จำเลยไม่ยอมปฏิบัติ โจทก์ขอให้จับจำเลยมากักขัง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้กักขังจำเลยไว้จนกว่าจะปฏิบัติตามคำพิพากษา

จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกาว่า โจทก์มีสิทธิที่จะไถ่ถอนจำนองได้เอง โดยขอให้จำเลยชดใช้ค่าไถ่ถอนจำนองให้ กรณียังถือไม่ได้ว่าไม่มีวิธีบังคับคดีอื่นใดที่เจ้าหนี้จะพึงใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 297(2)

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ถึงแม้ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 736, 737บัญญัติให้สิทธิผู้รับโอนทรัพย์สินซึ่งจำนองจะไถ่ถอนจำนองได้ก็ตาม แต่บทบัญญัติดังกล่าวเป็นกฎหมายในส่วนสารบัญญัติ ไม่ใช่บทกฎหมายที่เกี่ยวกับการบังคับคดีทั้งไม่มีบทบัญญัติให้นำมาใช้ในการบังคับคดีได้ดังเช่นมาตรา 213 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ซึ่งได้บัญญัติถึงวิธีการนำมาใช้ไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 276 วรรคท้าย และตามคำพิพากษาก็เป็นหน้าที่ของจำเลยที่จะต้องทำการไถ่ถอนจำนองที่พิพาทเสียก่อนแล้วจึงโอนให้แก่โจทก์โดยปลอดจำนอง หาใช่หน้าที่ของโจทก์ที่จะทำการไถ่ถอนจำนองเองไม่ ดังนี้จึงถือได้ว่าเป็นกรณีที่ไม่มีวิธีบังคับอื่นใดที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาจะพึงใช้บังคับได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 297(2) และเมื่อข้อเท็จจริงฟังได้แล้วว่า จำเลยมีความสามารถที่จะไถ่ถอนจำนองได้ ถ้าจำเลยได้กระทำการโดยสุจริต แต่จำเลยจงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับซึ่งออกบังคับเอาแก่จำเลย ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจที่จะกักขังจำเลยได้โดยชอบด้วยกฎหมาย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share