คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1248/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้บัญชาการเรือนจำสั่งพัสดีให้จัดนักโทษสร้างบ้านพักปลัดจังหวัด เมื่อสร้างเสร็จแล้วผู้บัญชาการเรือนจำได้สั่งจ่ายเงินรายได้พิเศษของจังหวัด5,000 บาท ให้พัสดีส่งเป็นเงินผลประโยชน์รายได้เรือนจำ 1,000 บาท อีก 4,000บาท ให้จ่ายเป็นรางวัลผู้คุม ผู้เขียนแบบแปลน และผู้ต้องขังหรือนักโทษที่ทำการปลูกสร้างบ้านพักจำเลยก็จ่ายเงินไปตามสั่ง เช่นนี้จะว่าจำเลยยักยอกเงิน 4,000 บาท ที่จ่ายเป็นรางวัลนั้น โดยอ้างว่าเป็นเงินของเรือนจำจำเลยไม่นำส่ง ไม่ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นเจ้าพนักงานรับราชการตำแหน่งพัศดีเรือนจำจังหวัดสตูล จำเลยได้รับมอบเงินค่าจ้างแรงงานผู้ต้องขังปลูกสร้างบ้านพักปลัดจังหวัดสตูลเป็นเงิน 5,000 บาท กับค่าทำประตูและรางน้ำรอบศาลากลางจังหวัดสตูลเป็นเงิน 2,000 บาท รวมเป็นเงิน 7,000 บาท จำเลยนำส่งเป็นผลประโยชน์ของเรือนจำจังหวัดสตูลเพียง 1,000 บาทเท่านั้น เงินนอกนั้นจำเลยมีเจตนาทุจริตยักยอกเอาไปเป็นประโยชน์ตนเสีย ขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131, 132 ฯลฯ

จำเลยปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 131 ให้จำคุก 2 ปี กับให้ใช้เงิน 4,000 บาท ให้เรือนจำนอกนั้นให้ยก

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ได้ความว่า ข้าหลวงประจำจังหวัดซึ่งเป็นผู้บัญชาการเรือนจำด้วย ได้จัดการสร้างบ้านพักปลัดจังหวัดสตูลขึ้นหนึ่งหลัง โดยใช้เงินรายได้พิเศษที่ทางจังหวัดหามาได้ มิได้ใช้เงินงบประมาณแผ่นดิน ได้ใช้แรงผู้ต้องขังในเรือนจำมาทำการปลูกสร้าง อยู่ในความดูแลควบคุมของข้าหลวงประจำจังหวัดและจำเลยซึ่งเป็นพัสดีเมื่อทำเสร็จแล้ว จำเลยทำบันทึกแรงงานผู้ทำงานเสนอ ข้าหลวงฯสั่งให้จ่ายเงินพิเศษของจังหวัดเป็นเงิน 5,000 บาท โดยให้ส่งเป็นรายได้เรือนจำเพียง 1,000 บาท อีก 4,000 บาทให้จ่ายเป็นรางวัลแก่ผู้คุม ผู้เขียนแบบแปลนและเป็นรางวัลแก่นักโทษผู้ไปทำงานเป็นพิเศษ การสั่งจ่ายนี้ได้ปรึกษาร่วมกับจำเลยและเสมียนตราจังหวัดแล้ว จำเลยจึงจัดส่งเงินเป็นรายได้ของเรือนจำ1,000 บาท อีก 4,000 บาท ได้จ่ายให้แก่ผู้เกี่ยวข้องตามที่สั่งส่วนเงิน 2,000 บาท ค่าทำประตูและรางน้ำศาลากลางนั้นก็ได้ความว่าจำเลยนำไปซื้อปูนซิเมตน์ปูนขาวและจ่ายค่าอาหารกลางวันเลี้ยงผู้มาทำงานจนหมด ไม่มีเงินเหลือที่จะจ่ายค่าแรงงานเลยดังนี้ศาลฎีกาเห็นพ้องกับข้อวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยมิได้ทำการทุจริตยักยอกเงินรายนี้ดังกล่าวหา เพราะข้าหลวงประจำจังหวัดซึ่งเป็นผู้บัญชาการเรือนจำมีอำนาจสั่งให้ผู้ต้องขังไปปลูกสร้างซ่อมแซมสถานที่ราชการของแผนกมหาดไทยโดยไม่ต้องจ้างได้แม้จะฟังว่าการจ่ายเงินเป็นการฝ่าฝืนกฎกระทรวงมหาดไทย ข้อ 56 ออกตามความในพระราชบัญญัติราชทัณฑ์พ.ศ. 2479 มาตรา 58 ก็หาใช่เป็นเรื่องที่จำเลยเจตนากระทำการทุจริตผิดกฎหมายยักยอกเงินดังโจทก์ฟ้องไม่

จึงพิพากษายืน

Share