แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลย สัญญาตกลงกันว่าจำเลยจะจัดการซ่อมแซมและจัดหาเครื่องจักรให้พร้อมสมบูรร์เหมือนเดิม ส่งมอบให้ โจทก์ก่อนวันที่ 25 กันยายน แต่โจทก์จะต้องมีกรรมการผู้เป็นกลางไปตรวจรับมอบด้วย 3 คน ครั้นถึงวันที่ 258 กันายน แม้โจทก์จะมีกรรมการคนเดียวไปรับมอบขาดกรรมการไป 2 คน แต่ปรากฎว่า จำเลยยังจัดการซ่อมแซม เครื่องจักรไม่เสร็จและยังจัดหาเครื่องจักรไม่ครบถ้วน ดังนี้ จะถือว่าโจทก์ผิดสัญญายังไม่ได้ ./
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จำเลยตกลวกันระงับข้อพิพาทโดยโจทก์ยินยอมจ่ายค่าตอบแทนให้จำเลย ๒๔๐๐๐ บาท ชำระในวันทำ สัญญาครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งกำหนดชำระภายในวันที่ ๒๕ กันยายน ๒๔๘๙
บัดนี้จำเลยบิดพริ้ว ไม่ส่งเครื่องมือเครื่องจักรมให้โจทก์ตามสัญญา จึงขอให้ศาลบังคับ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย ๕๐๐๐๐ บาท
จำเลยแก้ว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญาโดยมิได้นำเงินงวดที่สองมาชำระภายในกำหนด และมิได้นำคณะกรรมการผู้เป็น กลางมาตรวจรับมอบสิ่งของที่ตกลงกันไว้ในสัญญา ฯลฯ
ศาลชั้นต้นเห็นว่า โจทก์ ไปรับมอบสิ่งของกับกรรมการคนกลางเพียงคนเดียว ขาดกรรมการคนกลางไปถึง ๒ คน โจทก์ จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญา พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ว่า, ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน.
โจทก์ฎีกาต่อมา,
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่โจทก์ไปรับมอบเครื่องจักร ในวันที่ ๒๕ กันยายน โดยมีกรรมการไปด้วยเพียงคนเดียว ยังถือไม่ ได้ว่า โจทก์เป็นฝ่ายผิดสัญญา เพราะหากว่าจะไปก่อนวันที่ ๒๕ กันยายน พร้อมด้วยกรรมการครบ ก็เป็นที่เห็นได้ชัดว่า ฝ่ายจำเลยไม่สามารถจะส่งเครื่องจักรในสภาพเรียบร้อยให้โจทก์ตามข้อตกลงสัญญาได้ เพราะเครื่องยังชำรุดและยังไม่ ครบถ้วน ฉะนั้นโจทก์จึงยังไม่ผิดสัญญา
จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ดำเนินการพิจารณาพิพากษาในเรื่องค่าเสียหายต่อไป./