คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 13723/2557

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีก่อนโจทก์ฟ้องจำเลยเรื่องผิดสัญญาหย่า และแบ่งสินสมรส โดยมีการทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน มิได้มีการฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูแต่อย่างใด ทั้งการฟ้องเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูสามารถฟ้องคดีได้ต่างหากโดยไม่ต้องอ้างอิงการหย่าเนื่องจากบิดามารดามีหน้าที่ร่วมกันอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ไม่ว่าจะหย่ากันหรือไม่และบุตรผู้เยาว์จะอยู่ในอำนาจปกครองของฝ่ายใด ตามทะเบียนการหย่าก็ไม่ได้มีข้อตกลงเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูแต่อย่างใด คงมีแต่ข้อตกลงเรื่องให้บุตรอยู่ในความปกครองของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น การฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ในคดีนี้ จึงมิใช่เรื่องที่เคยว่ากันมาก่อนในคดีเดิมหรือเป็นข้อเรียกร้องที่มีขึ้นก่อนการฟ้องคดีเดิมซึ่งต้องฟ้องเรียกร้องในคดีเดิม ฟ้องคดีนี้จึงไม่เป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน ไม่เป็นฟ้องซ้ำ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยแบ่งสินสมรสแก่โจทก์กึ่งหนึ่ง หากแบ่งไม่ได้ให้ชดใช้เป็นเงินจำนวน 615,000 บาท และให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ เดือนละ 3,000 บาท นับแต่วันจดทะเบียนหย่าจนกว่าบุตรจะบรรลุนิติภาวะ หรือจ่ายครั้งเดียวจำนวน 300,000 บาท
จำเลยให้การและฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องและขอให้พิพากษาให้เพิกถอนอำนาจปกครองของโจทก์และให้จำเลยเป็นผู้ปกครองบุตรผู้เยาว์เพียงฝ่ายเดียว
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้องแย้ง
ในวันนัดชี้สองสถาน คู่ความแถลงขอสละประเด็นข้อพิพาทอื่น คงเหลือประเด็นข้อพิพาท ดังนี้ 1. ที่ดินโฉนดเลขที่ 1584 เป็นสินสมรสหรือไม่ 2. โจทก์หรือจำเลยสมควรเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์และ 3. จำเลยต้องจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์แก่โจทก์หรือไม่ เพียงใด
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแบ่งที่ดินโฉนดเลขที่ 1584 ตำบลหนองพันทา อำเภอโซ่พิสัย จังหวัดหนองคาย (บึงกาฬ) แก่โจทก์กึ่งหนึ่ง ถ้าหากการแบ่งตกลงกันไม่ได้ให้ประมูลกันระหว่างคู่ความหรือมิฉะนั้นให้ขายทอดตลาดนำเงินมาแบ่งกันคนละครึ่ง และให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กชายธนชัย บุตรผู้เยาว์ โดยกำหนดให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์เดือนละ 3,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าบุตรผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะ กับให้จำเลยใช้ค่าฤชาธรรมเนียมเท่าที่ชนะคดีแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความเป็นเงิน 5,000 บาท ยกฟ้องแย้ง ค่าฤชาธรรมเนียมในส่วนฟ้องแย้งให้เป็นพับ คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัวพิพากษาแก้เป็นว่า คำฟ้องในส่วนคำขอให้แบ่งสินสมรสเป็นฟ้องซ้ำให้ยกเสีย ให้โจทก์กับจำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองเด็กชายธนชัย ผู้เยาว์ร่วมกัน คืนค่าขึ้นศาลชั้นอุทธรณ์ส่วนที่เกินมา 9,300 บาท และคืนค่าฤชาธรรมเนียมใช้แทนโจทก์ในชั้นอุทธรณ์ส่วนที่เกินมา 9,300 บาท แก่จำเลย ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์นอกจากนี้ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวตรวจวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่า คำฟ้องส่วนที่เรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์เป็นฟ้องซ้ำด้วยหรือไม่ เห็นว่า การฟ้องในคดีก่อนซึ่งมีการทำสัญญาประนีประนอมและศาลมีคำพิพากษาตามยอมกันนั้นเป็นฟ้องเรื่องผิดสัญญาหย่า และแบ่งสินสมรส มิได้มีการฟ้องคดีเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูแต่อย่างใด การฟ้องเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูสามารถฟ้องคดีได้ต่างหากโดยไม่ต้องอ้างอิงการหย่าเนื่องจากบิดามารดามีหน้าที่อุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ไม่ว่าจะหย่ากันหรือไม่และบุตรผู้เยาว์จะอยู่ในอำนาจปกครองของฝ่ายใดทั้งเมื่อตรวจดูสำเนาทะเบียนการหย่า ก็ไม่ได้มีข้อตกลงเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูแต่อย่างใด คงมีแต่ข้อตกลงเรื่องให้บุตรอยู่ในความปกครองของทั้งสองฝ่ายเท่านั้น ดังนั้นการฟ้องเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจึงมิได้เป็นเรื่องที่เคยว่ากันมาก่อนในคดีเดิม จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำ ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยประการต่อไปมีว่า สมควรเพิกถอนอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ของโจทก์และให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ฝ่ายเดียวหรือไม่ เห็นว่า แม้จำเลยจะอ้างว่ามีบุตรสาวคอยดูแลบุตรผู้เยาว์แทนจำเลย แต่เป็นบุตรต่างมารดากับผู้เยาว์ ไม่น่าเชื่อว่าบุตรสาวของจำเลยจะรักและเอ็นดูผู้เยาว์ และจะสามารถดูแลผู้เยาว์ให้มีความสุขได้ อายุก็ไล่เลี่ยกัน เพราะต่างก็เป็นบุตรของจำเลย จึงไม่น่าเชื่อว่าจะช่วยดูแลผู้เยาว์ได้ดีกว่าโจทก์ สำหรับตัวจำเลยก็สมรสใหม่มีบุตรกับภริยาคนใหม่อีก 1 คน อายุ 2 ปีเศษ เมื่อจำเลยมีบุตรใหม่จำเลยก็เอาผู้เยาว์ไปให้บิดามารดาของจำเลยซึ่งชรามากแล้วดูแล แสดงว่าจำเลยกับภริยาใหม่ของจำเลยไม่ต้องการเลี้ยงดูผู้เยาว์โจทก์จึงไปรับผู้เยาว์มาอุปการะเลี้ยงดูแทน ส่วนโจทก์ยังไม่ได้สมรสใหม่ จึงเห็นว่าโจทก์จะสามารถดูแลและอุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ได้ดีกว่าจำเลย ผู้เยาว์อายุ 8 ปี ขณะฟ้องคดี ถือว่าผู้เยาว์อยู่ในวัยที่สามารถดูแลหาอาหารกินเองได้แล้วหากมีผู้จัดเตรียมอาหารไว้ให้ ประกอบกับความผูกพันทางจิตใจของมารดาที่มีต่อบุตรที่ตนให้กำเนิดย่อมมีความแนบแน่นกว่าบิดา การที่บุตรผู้เยาว์อยู่กับโจทก์ซึ่งเป็นมารดาน่าจะมีผลดีต่อสุขภาพจิตของบุตรผู้เยาว์ โจทก์มีรายได้จากการประกอบอาชีพพอสมควร สามารถอุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์ได้โดยไม่เดือดร้อน ผู้เยาว์จะมีสุขภาพจิตดีกว่าอยู่ในการอุปการะเลี้ยงดูของจำเลยร่วมกับบุตรสาวของจำเลย และต้องอยู่ร่วมบ้านกับภริยาใหม่ของจำเลยซึ่งถือว่าเป็นแม่เลี้ยงของผู้เยาว์และน้องชายซึ่งเป็นบุตรของแม่เลี้ยง กรณีจึงไม่มีเหตุที่จะเพิกถอนอำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ของโจทก์ สมควรให้โจทก์เป็นผู้อุปการะเลี้ยงดูผู้เยาว์โดยให้โจทก์และจำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองร่วมกัน ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 4 ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่เห็นสมควรกำหนดให้ชัดเจนขึ้นโดยให้แต่ละฝ่ายมีสิทธิติดต่อผู้เยาว์ได้ตามสมควรแก่พฤติการณ์ในกรณีที่ผู้เยาว์อาศัยอยู่กับอีกฝ่ายด้วย
ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยประการต่อไปมีว่า สมควรกำหนดค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์เป็นจำนวนแน่นอนหรือไม่ เห็นว่า การกำหนดให้จำเลยจ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์จำนวน 3,000 บาท จนกว่าผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะเป็นจำนวนที่เหมาะสมแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share