คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 990/2496

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การตั้งอนุญาโตตุลาการ กำหนดค่าทำขวัญตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์นั้น ก็เพื่อให้ระงับข้อพิพาท เมื่อไม่ได้มีการตกลงหรือชี้ขาดระงับข้อพิพาทแล้ว ก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการให้เสร็จใน 5 ปีตามความในพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ฯเมื่อพ้น 5 ปีแล้วถ้ามิได้เข้าทำประโยชน์ในที่ เจ้าของที่ดินที่ถูกเวนคืนย่อมมีสิทธิขอที่ดินนั้นคืน ตามมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ.2477 ได้ ไม่จำต้องรอให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดต่อไป

ย่อยาว

คดี 7 สำนวนนี้ต่างโจทก์ แต่จำเลยคนเดียวกัน ในคำฟ้องมีใจความว่า ที่ดินของโจทก์ถูกเวนคืนตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ ฯลฯ นับแต่วันเวนคืนดังกล่าว จนบัดนี้เป็นเวลาเกินกว่า 5 ปีแล้ว จำเลยยังไม่ได้ใช้ที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืน ฯลฯ แต่ประการใด โจทก์จึงมีสิทธิขอคืนที่ดินตามมาตรา 32 จึงขอให้ศาลบังคับ

จำเลยต่อสู้คดีหลายประการ

ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาต้องกันให้จำเลยคืนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้แก่โจทก์ทั้ง 7 สำนวน

จำเลยฎีกาว่า เหตุที่อนุญาโตตุลาการกำหนดค่าทำขวัญไม่เสร็จจนเกิน 5 ปี ไม่ใช่ความผิดของจำเลย และโจทก์จำต้องรอคอยคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการก่อน ฯลฯ

ศาลฎีกาเห็นว่า การตั้งอนุญาโตตุลาการนั้นก็เพื่อให้ระงับข้อพิพาท เมื่อไม่ได้มีการตกลงหรือชี้ขาดระงับข้อพิพาทแล้วก็เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่จะต้องดำเนินการให้เสร็จใน 5 ปี ตามความในพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ เมื่อพ้น 5 ปีแล้วถ้ามิได้เข้าทำประโยชน์ในที่ โจทก์ย่อมมีสิทธิขอคืนได้ตามความในมาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ พ.ศ. 2477โจทก์ไม่จำต้องรอให้อนุญาโตตุลาการชี้ขาดต่อไป ฯลฯ

จึงพิพากษายืน

Share