แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ไปร้องต่อศาลขอให้แสดงสิทธิครอบครองในที่ดินมีโฉนดอ้างว่าเจ้าของที่ดินขายให้คนนั้นแม้ศาลจะมีคำสั่งแสดง ว่าผู้นั้นได้สิทธิครอบครองในที่ดินนั้น ก็ตามเมื่อความจริงปรากฎว่า เจ้าจองที่ดินนั้นมิได้ขาย เป็นแต่ให้เช่าดังนี้ คำสั่งของศาลดังกล่าวย่อมไม่เป็นการตัดสิทธิเจ้าของที่ดินหรือทายาทที่จะฟ้องเรียกร้องเอาที่ดินนั้นคืนมา./
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ที่พิพาทเป็นที่ดินมีโฉนดมีชื่อนายจุ้ยสามีจำเลย และนายชื่นบิดาโจทก์ ถือกรรมสิทธิร่วมกัน บัดนี้นายจุ้ย และนายชื่นตายแล้ว โจทก์จึงไปขอรับมรดกที่ดินพิพาทส่วนของนายชื่น จำเลยได้ลอบไปร้องขอต่อศาล จนศาลมีคำสี่ง ว่าจำเลยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่พิพาทส่วนของนายชื่น โดยการครอบครองทาหอทะเบียนที่ดินจึงยกคำร้องขอรับมรดก ของโจทก์เสีย โจทก์จึงขอให้ศาลแสดงว่าโจทก์เป็นทายาทรับมรดกดังกล่าว กับขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลในคดีแดงที่ ๓๑๑/ ๒๔๙๓ ฯลฯ
จำเลยต่อสู้ว่า นายชื่นบิดาโจทก์ขายส่วนของนายชื่นให้นายจุ้ยกับจำเลย ได้ครอบครองมาจนบัดนี้เกิน ๑๐ ปี
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งในคดีแพ่งแดงที่ ๓๑๑/๒๔๙๓ เสีย และพิพากษาว่าโจทก์เป็นทายาทรับมรดกที่ดิน พิพาทส่วนของนายชื่นบิดา ฯลฯ
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาคงฟังข้อเท็จจริงตามศาลล่างว่าจำเลยสืบไม่ได้ว่า นายชื่นขายที่ดินส่วนของคนให้นางจุ้ย จึงต้องฟังว่าเป็นของ นายชื่นตลอดมา.
อนึ่งการที่จำเลยไปจัดการร้องขอต่อศาลให้แสดงสิทธิครอบครองอ้างว่า นายชื่นขายที่ส่วนของนายชื่นให้ โดยไม่ใช้โจทก์ ทราบนั้น คำสั่งของศาลในคดีแดงที่ ๓๑๑/๒๔๙๓ หาเป็นการตัดสิทธิของโจทก์ที่จะฟ้องคดีนี้ไม่.
จึงพิพากษายืน./